Page 1 of 1

โอบามา-คองเกรสเปิดเจรจา

Posted: 06 Apr 2013, 14:59
by brid.ladawan
ladawan
Hero Member
*****
Posts: 824


View Profile Email


โอบามา-คองเกรสเปิดเจรจา
« on: November 27, 2012, 11:47:40 am »

โอบามา-คองเกรสเปิดเจรจา

วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2012 เวลา 17:23 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลก - คอลัมน์ : เศรษฐกิจโลก

altตัวแทน จากสองพรรคการเมืองสหรัฐฯ เริ่มต้นเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิด "หน้าผาการคลัง" ให้ได้ก่อนสิ้นปี โดยประธานาธิบดีบารัก โอบามา ยื่นข้อเสนอเพิ่มรายได้จากภาษีเป็นมูลค่า 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเวลา 10 ปี

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประเด็นเรื่องภาษีจะเป็นเรื่องหลักของการเจรจาระหว่างตัวแทนจากพรรคเดโมแครต และพรรครีพับลิกัน เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงการเกิด "หน้าผาการคลัง" (fiscal cliff) หรือช่วงเวลาที่โครงการลดหย่อนภาษีตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช จะสิ้นสุดลง ประกอบกับการปรับลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะฉุดเศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง
ประธานาธิบดีบารัก โอบามา มีกำหนดเรียกตัวแทนจากทั้งสองพรรคเข้าพบหารือในประเด็นดังกล่าวเป็นครั้งแรก ภายหลังจากได้รับการเลือกตั้งกลับเข้ามาสู่ทำเนียบขาวเป็นสมัยที่สองในวัน ศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน โดยตัวแทนจากทั้งสองพรรคประกอบด้วยนายจอห์น เบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำวุฒิสภาเสียงข้างน้อยจากพรรครีพับลิกัน ร่วมด้วยนางแนนซี เพโลซี ผู้นำผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครต และนายแฮร์รี รีด ผู้นำวุฒิสภาเสียงข้างมากจากพรรคเดียวกัน
ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องของภาษี ประธานาธิบดีโอบามาต้องการเพิ่มรายได้จากภาษีเป็นมูลค่า 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในช่วง 10 ปีข้างหน้า ผ่านการจำกัดการลดหย่อนภาษี และเพิ่มอัตราการเก็บภาษีจากผู้มีรายได้สูง ขณะที่ทางฝ่ายรีพับลิกันต้องการให้มีการต่ออายุการลดภาษีสำหรับผู้มีรายได้ ทุกระดับออกไป และเรียกร้องให้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของโครงการด้านสิทธิประโยชน์ต่างๆ (entitlement programs)
นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า การขึ้นภาษีสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้สูงเป็นหัวใจสำคัญของข้อเสนอเรื่องการลด การขาดดุลของรัฐบาล เนื่องจากรายได้จากการจำกัดการลดหย่อนภาษีเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ อย่างแน่นอน "ประธานาธิบดีไม่พร้อมที่จะต่ออายุการลดภาษีสำหรับผู้มีรายได้สูง" นายไกธ์เนอร์กล่าวถึงนโยบายที่ดำเนินการมาตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีบุชและ กำลังจะสิ้นสุดอายุลงสิ้นปีนี้
ทีมงานของนายโอบามากล่าวว่า โอบามาต้องการให้ทางฝ่ายรีพับลิกันรับข้อเสนอที่ผ่านวุฒิสภาเมื่อเดือน กรกฎาคมปีก่อน นั่นคือการต่ออายุการลดหย่อนภาษีเงินได้ ยกเว้นกลุ่มผู้มีรายได้เกินกว่า 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคู่สามีภรรยาที่มีรายได้เกิน 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเด็นที่พรรครีพับลิกันไม่เห็นด้วย
อย่างไรก็ดีมีการพูดถึงแนวทางที่ทั้งสองฝ่ายอาจจะสามารถประนีประนอมกันได้ อาทิเช่น การเพิ่มระดับรายได้ของกลุ่มที่จะถูกเก็บภาษีเพิ่มจาก 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มอัตราภาษีเงินได้สูงสุดจาก 35% ในปัจจุบันเป็นระดับที่ต่ำกว่า 39.6% ซึ่งเป็นระดับที่นายโอบามาต้องการ เป็นต้น
นอกจากการตัดสินใจในเรื่องของรายได้จากภาษีแล้ว อีกส่วนหนึ่งของหน้าผาการคลังที่นักการเมืองสหรัฐฯ ต้องเจรจาเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันให้ได้ก่อนสิ้นปี 2555 คือเรื่องของการลดค่าใช้จ่ายมูลค่า 1.09 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้โดยอัตโนมัติในวันที่ 2 มกราคม 2556 ตามเงื่อนไขการเจรจาเรื่องการเพิ่มเพดานหนี้เมื่อปีก่อนถ้าไม่มีการปรับ เปลี่ยนแก้ไข
ทั้งประธานาธิบดีโอบามาและนักการเมืองจากพรรครีพับลิกันยืนยันชัดเจนว่าไม่ ต้องการให้การลดค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายก็ยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน โดยพรรครีพับลิกันคัดค้านการลดค่าใช้จ่ายด้านการทหาร และต้องการเปลี่ยนไปลดค่าใช้จ่ายของโครงการด้านนโยบายภายในประเทศแทน ซึ่งพรรคเดโมแครตไม่เห็นด้วย
สำนักงบประมาณของสภาคองเกรสประเมินว่า ถ้าการเจรจาหลีกเลี่ยงการเกิดหน้าผาการคลังล้มเหลว และสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับการขึ้นภาษีและลดค่าใช้จ่ายตามกำหนด จะก่อให้เกิดความสูญเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประมาณ 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และทำให้เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะถดถอย อีกทั้งการว่างงานมีโอกาสพุ่งขึ้นถึงระดับ 9%
บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส กล่าวว่า ถ้าสหรัฐฯ ตกหน้าผาการคลัง มูดี้ส์จะจับตามองว่าเศรษฐกิจจะรับมือกับความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นในทันที อย่างไร และจะยังคงแนวโน้มด้านลบต่ออันดับเครดิตของสหรัฐฯ เอาไว้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,793 วันที่ 18-21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555