Page 1 of 1

เอสเอ็มอีญี่ปุ่นทะลักเข้าไทย

Posted: 06 Apr 2013, 15:03
by brid.ladawan
ladawan
Hero Member
*****
Posts: 824


View Profile Email


เอสเอ็มอีญี่ปุ่นทะลักเข้าไทย
« on: November 28, 2012, 09:13:35 am »

เอสเอ็มอีญี่ปุ่นทะลักเข้าไทย
วันพุธที่ 07 พฤศจิกายน 2012 เวลา 10:47 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ ลงทุน-อุตสาหกรรม - คอลัมน์ : ลงทุน-อุตสาหกรรม


คาดปีหน้าพุ่งเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จากที่ปีนี้มาแล้ว 30% กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ทนไม่ไหว หนีค่าจ้างพุ่ง ขาดแคลนแรงงาน ตลาดในญี่ปุ่นจำกัด มองไทยเป็นฐานการผลิตใหม่รองรับศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ พร้อมป้อนเข้าสู่เออีซี


นายวิโรจน์ ศิริธนาศาสตร์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ไทย ในฐานะประธานสมาพันธ์สมาคมอุตสาหกรรมสนับสนุน เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากการไปสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนญี่ปุ่น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี ที่ผลิตชิ้นส่วนสนับสนุนหลักของกลุ่มยานยนต์จากประเทศญี่ปุ่นในช่วงที่ผ่าน มา มีความสนใจที่จะย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทยมากขึ้น จากที่ผ่านมาได้ย้ายฐานการผลิตมาแล้วประมาณ 30% ของกลุ่มเอสเอ็มอีทั้งหมด
"ปีหน้าคาดว่าจะมีอัตราเพิ่มอีกเท่าตัวหรือประมาณ 60% เนื่องจากขณะนี้กลุ่มเอสเอ็มอีกำลังประสบปัญหาต้นทุนการผลิต เกิดการขาดแคลนแรงงาน ค่าจ้างที่สูง และเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นเป็นอุปสรรคต่อการส่งออก ประกอบกับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ๆ ของญี่ปุ่นได้ย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทย ส่งผลให้ตลาดภายในประเทศมีจำกัด จึงจำเป็นต้องย้ายฐานการผลิตตามมาด้วย"
ทั้งนี้เพราะไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตยานยนต์ของภูมิภาคเอเชีย มีอัตราการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการรายงานตัวเลขของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)ในช่วง เดือนกันยายนที่ผ่านมาผลิตอยู่ที่ 2.285 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 31.6% ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติการณ์รอบ 51 ปี ในขณะที่ยอดการผลิตโดยรวม 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.55) อยู่ที่ 1.7 แสนคัน และหากเป็นไปตามแผนในอีก 5 ปีข้างหน้าไทยจะมียอดการผลิตรถยนต์อยู่ที่ประมาณปีละ 3 ล้านคัน ซึ่งจะทำให้ไทยก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์มากที่สุดติดอันดับท็อปเท็นของโลก
นอกจากจะป้อนความต้องการภายในประเทศแล้วกลุ่มเอสเอ็มอีดังกล่าว ยังใช้ไทยเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออก รองรับตลาดจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี 2558 ด้วย เนื่องจากมีความได้เปรียบด้านวัตถุดิบและการขนส่ง
ขณะเดียวกันจากนโยบายการส่งเสริมรถยนต์ประหยัดพลังงานหรืออีโคคาร์ของไทย ประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ หันมาให้ความสำคัญ ที่จะเข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์อีโคคาร์เพิ่มขึ้น รวมถึงรถยนต์ไฮบริด ที่มองว่าทางค่ายโตโยต้า ของญี่ปุ่น อาจจะย้ายฐานการผลิตตามมาในอนาคต เนื่องจากเวลานี้มีกลุ่มเอสเอ็มอีของญี่ปุ่นเองได้เข้ามาขอส่งเสริมการลงทุน จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอแล้ว ที่จะผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้า สำหรับรถยนต์ไฮบริด ซึ่งจะส่งผลให้รถยนต์มีราคาถูกลง ส่งผลให้เกิดตลาดใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น
"ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ คาดว่าจะมีการจัดสัมมนาของค่ายรถยนต์ต่างๆ ที่จะมาพูดถึงนโยบายการผลิตรถยนต์ของแต่ละบริษัท เพื่อให้กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ รับทราบแนวทางในการเตรียมแผนการผลิตรองรับ ซึ่งจุดนี้จะทำให้นักลงทุนทั้งรายเก่าและรายใหม่ที่จะเข้ามาเห็นภาพการผลิต รถยนต์ของประเทศโดยรวม และในปีหน้าช่วงเดือนมิถุนายน จะมีการประชุมอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ระดับภูมิภาคเอเชียที่ไทยจะจัดขึ้น ซึ่งจะเป็นจุดหนึ่งในการรองรับการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ต่อไปในอนาคต"
นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในการจัดงานเมทัลเล็กซ์ 2012 มหกรรมเครื่องจักรกลและเทคโนโลยีโลหะการระดับอาเซียน ทางด้านเครื่องจักรและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ระหว่างวันที่ 21-24 พฤศจิกายน 2555 นี้ ที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา จะเป็นการตอกย้ำศักยภาพของไทย ในการเตรียมความพร้อมรองรับเอสเอ็มอีของญี่ปุ่นที่จะขยายฐานการผลิตมาไทย ซึ่งในงานจะมีทั้งนักลงทุนที่จะเข้ามาหาพันธมิตรร่วมลงทุน การสั่งผลิตสินค้า รวมถึงการขายเทคโนโลยี เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตในปีหน้า

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,790 วันที่ 8-10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555