เฟซบุ๊กทดลองโมเดลอินเดีย
Posted: 06 Apr 2013, 15:06
ladawan
Hero Member
*****
Posts: 824
View Profile Email
เฟซบุ๊กทดลองโมเดลอินเดีย
« on: November 28, 2012, 09:23:26 am »
เฟซบุ๊กทดลองโมเดลอินเดีย
วันพุธที่ 24 ตุลาคม 2012 เวลา 12:33 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลก - คอลัมน์ : ตลาดต่างประเทศ
โซ เชียลเน็ตเวิร์กยักษ์ใหญ่ "เฟซบุ๊ก" ยึดตลาดอินเดียเป็นฐานทดสอบสำคัญ เพื่อมองหาช่องทางสร้างรายได้จากตลาดเกิดใหม่ ซึ่งถูกมองว่าจะก้าวเข้ามาเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างการเติบโตให้กับเฟซบุ๊กใน อนาคต
เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล รายงานว่า เฟซบุ๊กมองตลาดอินเดีย ซึ่งฐานผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เป็นศูนย์กลางของตลาดในอนาคตของบริษัท นับตั้งแต่เฟซบุ๊กเริ่มจ้างพนักงานในอินเดียในปี 2553 เฟซบุ๊กมีผู้ใช้งานชาวอินเดียเพิ่มขึ้นจาก 8 ล้านคนเป็น 65 ล้านคนในเดือนตุลาคมนี้ ทำให้อินเดียกลายมาเป็นหนึ่งในตลาดหลักของบริษัทในต่างประเทศ อย่างไรก็ดี การรักษาการเติบโตและหาช่องทางทำเงินจากตลาดอินเดียยังนับเป็นความท้าทายของ เฟซบุ๊ก โดยเฟซบุ๊กจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับผู้ใช้งานชาวอินเดียหลายล้านคน ที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตเป็นครั้งแรกผ่านทางอุปกรณ์โมบายที่อาจจะไม่ล้ำสมัย นักและมีบริการเครือข่ายที่ยังขนาดเสถียรภาพ
ผู้บริหารเฟซบุ๊กกล่าวว่า บทเรียนการดำเนินธุรกิจในอินเดียจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับตลาดเกิดใหม่ อื่นๆ อาทิ อินโดนีเซีย บราซิล และบางส่วนของแอฟริกาได้ด้วย "ในขณะที่เราคิดหาวิธีนำเสนอบริการที่ดีที่สุดของเฟซบุ๊กให้กับผู้บริโภคใน ตลาดเกิดใหม่ อินเดียน่าจะเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการทดลองวิธีการต่างๆ ในการนำเสนอบริการเหล่านั้น" มีนัล บาลาร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการขยายธุรกิจในต่างประเทศของเฟซบุ๊ก กล่าว
เฟซบุ๊กระบุยุทธศาสตร์ในการเจาะตลาดอินเดียเอาไว้ว่า เป็นการพัฒนาบริการเพื่อผู้ใช้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน และสร้างความสัมพันธ์กับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ผู้โฆษณา และหุ้นส่วนที่ให้บริการคอนเทนต์ยอดนิยม เช่น เพลงบอลลีวูด เป็นต้น แต่ขณะเดียวกันตลาดอินเดียก็มีความท้าทายบางประการในเรื่องของวัฒนธรรม โดยรัฐบาลอินเดียกำหนดไว้ว่า บริษัทอินเตอร์เน็ตจำเป็นต้องลบคอนเทนต์บางประเภท อาทิ คอนเทนต์ที่เป็นภัย หรือคอนเทนต์ที่สร้างความไม่พึงพอใจให้กับผู้คนเชื้อสายต่างๆ ภายใน 36 ชั่วโมงภายหลังได้รับการแจ้งเตือน
ตลาดเกิดใหม่มีความสำคัญต่อการเติบโตของเฟซบุ๊ก โดยเฉพาะในเวลาที่ตลาดบางแห่ง อย่างในสหรัฐฯ เริ่มมีการเติบโตที่ชะลอตัวลง ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2555 เฟซบุ๊กรายงานตัวเลขผู้ใช้งาน 955 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปีเพียง 6% เท่านั้น ขณะที่การเติบโตของรายได้ก็ชะลอตัวลง ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทดิ่งลงถึง 47% นับตั้งแต่เปิดขายหุ้นไอพีโอ
ตลาดอินเดียนับว่ามีความน่าสนใจหลายประการ เวลานี้อินเดียมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตประมาณ 100 ล้านคน โดยส่วนใหญ่ใช้งานผ่านทางคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ แต่โอกาสสำคัญสำหรับเฟซบุ๊ก คือกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์มือถือกว่า 900 ล้านคน ที่กำลังจะเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ดี ข้อมูลจากนีลเส็น อินฟอร์เมต โมบาย อินไซต์ ระบุว่า มีเพียง 9% ของประชากรในเขตเมืองของอินเดียเท่านั้นที่มีสมาร์ทโฟน และจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนในต่างจังหวัดก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยมาก
นอกจากนี้ อีกหนึ่งความท้าทาย คือมีเพียง 5% ของแบรนด์อินเดียเท่านั้นที่ใช้งบประมาณทำแคมเปญโฆษณาแบบดิจิตอล นักวิเคราะห์คาดหมายว่าอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิตอลของอินเดียมูลค่า 290 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะเติบโตได้ด้วยอัตรา 30% ต่อปี แต่แบรนด์ยังคงมองหาวิธีการโฆษณาว่าแคมเปญรูปแบบใดจะเข้าถึงผู้บริโภคได้ดี ที่สุด
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,786 วันที่ 25-27 ตุลาคม พ.ศ. 2555
Hero Member
*****
Posts: 824
View Profile Email
เฟซบุ๊กทดลองโมเดลอินเดีย
« on: November 28, 2012, 09:23:26 am »
เฟซบุ๊กทดลองโมเดลอินเดีย
วันพุธที่ 24 ตุลาคม 2012 เวลา 12:33 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลก - คอลัมน์ : ตลาดต่างประเทศ
โซ เชียลเน็ตเวิร์กยักษ์ใหญ่ "เฟซบุ๊ก" ยึดตลาดอินเดียเป็นฐานทดสอบสำคัญ เพื่อมองหาช่องทางสร้างรายได้จากตลาดเกิดใหม่ ซึ่งถูกมองว่าจะก้าวเข้ามาเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างการเติบโตให้กับเฟซบุ๊กใน อนาคต
เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล รายงานว่า เฟซบุ๊กมองตลาดอินเดีย ซึ่งฐานผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เป็นศูนย์กลางของตลาดในอนาคตของบริษัท นับตั้งแต่เฟซบุ๊กเริ่มจ้างพนักงานในอินเดียในปี 2553 เฟซบุ๊กมีผู้ใช้งานชาวอินเดียเพิ่มขึ้นจาก 8 ล้านคนเป็น 65 ล้านคนในเดือนตุลาคมนี้ ทำให้อินเดียกลายมาเป็นหนึ่งในตลาดหลักของบริษัทในต่างประเทศ อย่างไรก็ดี การรักษาการเติบโตและหาช่องทางทำเงินจากตลาดอินเดียยังนับเป็นความท้าทายของ เฟซบุ๊ก โดยเฟซบุ๊กจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับผู้ใช้งานชาวอินเดียหลายล้านคน ที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตเป็นครั้งแรกผ่านทางอุปกรณ์โมบายที่อาจจะไม่ล้ำสมัย นักและมีบริการเครือข่ายที่ยังขนาดเสถียรภาพ
ผู้บริหารเฟซบุ๊กกล่าวว่า บทเรียนการดำเนินธุรกิจในอินเดียจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับตลาดเกิดใหม่ อื่นๆ อาทิ อินโดนีเซีย บราซิล และบางส่วนของแอฟริกาได้ด้วย "ในขณะที่เราคิดหาวิธีนำเสนอบริการที่ดีที่สุดของเฟซบุ๊กให้กับผู้บริโภคใน ตลาดเกิดใหม่ อินเดียน่าจะเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการทดลองวิธีการต่างๆ ในการนำเสนอบริการเหล่านั้น" มีนัล บาลาร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการขยายธุรกิจในต่างประเทศของเฟซบุ๊ก กล่าว
เฟซบุ๊กระบุยุทธศาสตร์ในการเจาะตลาดอินเดียเอาไว้ว่า เป็นการพัฒนาบริการเพื่อผู้ใช้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน และสร้างความสัมพันธ์กับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ผู้โฆษณา และหุ้นส่วนที่ให้บริการคอนเทนต์ยอดนิยม เช่น เพลงบอลลีวูด เป็นต้น แต่ขณะเดียวกันตลาดอินเดียก็มีความท้าทายบางประการในเรื่องของวัฒนธรรม โดยรัฐบาลอินเดียกำหนดไว้ว่า บริษัทอินเตอร์เน็ตจำเป็นต้องลบคอนเทนต์บางประเภท อาทิ คอนเทนต์ที่เป็นภัย หรือคอนเทนต์ที่สร้างความไม่พึงพอใจให้กับผู้คนเชื้อสายต่างๆ ภายใน 36 ชั่วโมงภายหลังได้รับการแจ้งเตือน
ตลาดเกิดใหม่มีความสำคัญต่อการเติบโตของเฟซบุ๊ก โดยเฉพาะในเวลาที่ตลาดบางแห่ง อย่างในสหรัฐฯ เริ่มมีการเติบโตที่ชะลอตัวลง ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2555 เฟซบุ๊กรายงานตัวเลขผู้ใช้งาน 955 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปีเพียง 6% เท่านั้น ขณะที่การเติบโตของรายได้ก็ชะลอตัวลง ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทดิ่งลงถึง 47% นับตั้งแต่เปิดขายหุ้นไอพีโอ
ตลาดอินเดียนับว่ามีความน่าสนใจหลายประการ เวลานี้อินเดียมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตประมาณ 100 ล้านคน โดยส่วนใหญ่ใช้งานผ่านทางคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ แต่โอกาสสำคัญสำหรับเฟซบุ๊ก คือกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์มือถือกว่า 900 ล้านคน ที่กำลังจะเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ดี ข้อมูลจากนีลเส็น อินฟอร์เมต โมบาย อินไซต์ ระบุว่า มีเพียง 9% ของประชากรในเขตเมืองของอินเดียเท่านั้นที่มีสมาร์ทโฟน และจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนในต่างจังหวัดก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยมาก
นอกจากนี้ อีกหนึ่งความท้าทาย คือมีเพียง 5% ของแบรนด์อินเดียเท่านั้นที่ใช้งบประมาณทำแคมเปญโฆษณาแบบดิจิตอล นักวิเคราะห์คาดหมายว่าอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิตอลของอินเดียมูลค่า 290 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะเติบโตได้ด้วยอัตรา 30% ต่อปี แต่แบรนด์ยังคงมองหาวิธีการโฆษณาว่าแคมเปญรูปแบบใดจะเข้าถึงผู้บริโภคได้ดี ที่สุด
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,786 วันที่ 25-27 ตุลาคม พ.ศ. 2555