สัญญาณเศรษฐกิจจีนยังชะลอ
Posted: 06 Apr 2013, 15:11
ladawan
Hero Member
*****
Posts: 824
View Profile Email
สัญญาณเศรษฐกิจจีนยังชะลอ
« on: November 28, 2012, 09:45:00 am »
สัญญาณเศรษฐกิจจีนยังชะลอ
วันพุธที่ 03 ตุลาคม 2012 เวลา 11:09 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลก - คอลัมน์ : เศรษฐกิจโลก
ภาค การผลิตจีนยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะยังอยู่ในภาวะชะลอตัวต่อไปในไตรมาส 3 ของปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อก่อนที่จีนจะก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง ครั้งสำคัญทางการเมือง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (purchasing managers’ index หรือ PMI) อย่างเป็นทางการของเดือนกันยายนที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งตรงกับวันชาติของจีน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 0.6 มาอยู่ที่ 49.8 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตของจีนในเดือนกันยายนยังหดตัวเล็กน้อย
ปลายสัปดาห์ก่อนเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ และมาร์คิต อีโคโนมิกส์ เปิดเผยผลการสำรวจพีเอ็มไอของตนเองพบว่าอยู่ที่ 47.9 ในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 47.6 ในเดือนสิงหาคม นับเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน ขณะเดียวกันยอดคำสั่งซื้อสำหรับส่งออกลดลงด้วยอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 42 เดือน ส่วนกิจกรรมการซื้อในภาคการผลิตลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
ตัวเลขจากภาคการผลิตล่าสุดเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนมีโอกาสสูงที่ จะชะลอตัวลงต่อไปในไตรมาสเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน จากผลของการลงทุนของภาคเอกชนลดต่ำลง และภาคการส่งออกที่ชะลอตัว การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงมาเป็นระยะเวลา 6 ไตรมาสติดต่อกันแล้ว และเวลานี้มีความเสี่ยงที่จะเติบโตในระดับต่ำกว่า 7.5% ซึ่งเป็นเป้าหมายที่รัฐบาลจีนตั้งไว้
"ความล้มเหลวของอุปสงค์ทั้งภายนอกและภายในส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคการ ผลิตของจีน" เกลน แมไกวร์ ที่ปรึกษาจากบริษัทเอเชีย เซนทรี แอดไวเซอรีฯ และอดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ภาคพื้นเอเชียของโซซิเอเต้ เจเนอรัล กล่าว และให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การฟื้นตัวของความต้องการภายนอกต้องอาศัยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรปที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้น้อยมากในอนาคตอันใกล้ ขณะที่การฟื้นตัวของความต้องการภายในต้องอาศัยนโยบายสนับสนุนมากกว่าที่ เป็นอยู่
เป็นเวลาเกือบ 3 เดือนแล้วนับตั้งแต่ธนาคารกลางจีนตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ทางการจีนประกาศแผนการลงทุนขนาดใหญ่ออกมาแต่ก็ยังไม่มีมาตรการที่ ชัดเจนมารองรับ หลิว หลี่กัง นักเศรษฐศาสตร์จากเอเอ็นซี กล่าวว่า นโยบายของทางการจีนในช่วงที่ผ่านมา ไม่สามารถหยุดยั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี "การผ่อนคลายทางการเงินและการดำเนินนโยบายทางการคลังอาจจะเกิดขึ้นในอัตรา ที่รวดเร็วขึ้นหลังการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ในเดือนหน้า เพื่อรักษาเสถียรภาพทางสังคมและการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง" หลิว กล่าวเพิ่มเติม
รัฐบาลจีนประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.ย.) ว่าการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งจะเป็นการพิจารณาเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำในรอบ 10 ปี จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน นักวิเคราะห์จำนวนมากเห็นพ้องว่ามาตรการที่ชัดเจนมากขึ้นในการกระตุ้น เศรษฐกิจจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าการประชุมใหญ่จะสิ้นสุดลง เนื่องจากประเด็นเรื่องผู้นำคนใหม่จะเป็นประเด็นหลักที่ถูกให้ความสำคัญไปจน กว่าการประชุมจะเสร็จสิ้น "เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองนิ่ง ผู้นำจีนจะถูกบีบให้หันเหความสนใจมาสู่การรับมือการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ ชะลอตัวและการจ้างงานที่ย่ำแย่ลง" ติง ลู่ นักเศรษฐศาสตร์จากแบงก์ออฟอเมริกา เมอร์ริล ลินช์ กล่าว
อย่างไรก็ดี แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจจะบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัว แต่ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนชาวจีนยังพบว่ารู้สึกพึงพอใจต่อสภาวะ เศรษฐกิจในเวลานี้ ศูนย์วิจัยพิวเปิดเผยผลสำรวจทัศนคติเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่า 83% ของผู้ตอบแบบสอบถามในจีนคิดว่าสถานการณ์ยังอยู่ในระดับดี
ความพึงพอใจในระดับสูงต่อสภาพเศรษฐกิจแสดงถึงความสำเร็จของจีนภายใต้การนำ ของประธานาธิบดี หู จิ่นเทา และนายกรัฐมนตรี เหวิน เจียเป่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ขณะเดียวกันมาตรฐานที่ผู้นำทั้งสองที่กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่งในปลายปี นี้สร้างเอาไว้ อาจกลายมาเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับว่าที่ผู้นำอย่างนายสี จิ้นผิง และนายหลี่ เค่อเฉียง ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมาปกครองจีนในอีก 10 ปีข้างหน้า
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,780 วันที่ 4-6 ตุลาคม พ.ศ. 2555
Hero Member
*****
Posts: 824
View Profile Email
สัญญาณเศรษฐกิจจีนยังชะลอ
« on: November 28, 2012, 09:45:00 am »
สัญญาณเศรษฐกิจจีนยังชะลอ
วันพุธที่ 03 ตุลาคม 2012 เวลา 11:09 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลก - คอลัมน์ : เศรษฐกิจโลก
ภาค การผลิตจีนยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะยังอยู่ในภาวะชะลอตัวต่อไปในไตรมาส 3 ของปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อก่อนที่จีนจะก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง ครั้งสำคัญทางการเมือง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (purchasing managers’ index หรือ PMI) อย่างเป็นทางการของเดือนกันยายนที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งตรงกับวันชาติของจีน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 0.6 มาอยู่ที่ 49.8 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตของจีนในเดือนกันยายนยังหดตัวเล็กน้อย
ปลายสัปดาห์ก่อนเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ และมาร์คิต อีโคโนมิกส์ เปิดเผยผลการสำรวจพีเอ็มไอของตนเองพบว่าอยู่ที่ 47.9 ในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 47.6 ในเดือนสิงหาคม นับเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน ขณะเดียวกันยอดคำสั่งซื้อสำหรับส่งออกลดลงด้วยอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 42 เดือน ส่วนกิจกรรมการซื้อในภาคการผลิตลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
ตัวเลขจากภาคการผลิตล่าสุดเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนมีโอกาสสูงที่ จะชะลอตัวลงต่อไปในไตรมาสเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน จากผลของการลงทุนของภาคเอกชนลดต่ำลง และภาคการส่งออกที่ชะลอตัว การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงมาเป็นระยะเวลา 6 ไตรมาสติดต่อกันแล้ว และเวลานี้มีความเสี่ยงที่จะเติบโตในระดับต่ำกว่า 7.5% ซึ่งเป็นเป้าหมายที่รัฐบาลจีนตั้งไว้
"ความล้มเหลวของอุปสงค์ทั้งภายนอกและภายในส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคการ ผลิตของจีน" เกลน แมไกวร์ ที่ปรึกษาจากบริษัทเอเชีย เซนทรี แอดไวเซอรีฯ และอดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ภาคพื้นเอเชียของโซซิเอเต้ เจเนอรัล กล่าว และให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การฟื้นตัวของความต้องการภายนอกต้องอาศัยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรปที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้น้อยมากในอนาคตอันใกล้ ขณะที่การฟื้นตัวของความต้องการภายในต้องอาศัยนโยบายสนับสนุนมากกว่าที่ เป็นอยู่
เป็นเวลาเกือบ 3 เดือนแล้วนับตั้งแต่ธนาคารกลางจีนตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ทางการจีนประกาศแผนการลงทุนขนาดใหญ่ออกมาแต่ก็ยังไม่มีมาตรการที่ ชัดเจนมารองรับ หลิว หลี่กัง นักเศรษฐศาสตร์จากเอเอ็นซี กล่าวว่า นโยบายของทางการจีนในช่วงที่ผ่านมา ไม่สามารถหยุดยั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี "การผ่อนคลายทางการเงินและการดำเนินนโยบายทางการคลังอาจจะเกิดขึ้นในอัตรา ที่รวดเร็วขึ้นหลังการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ในเดือนหน้า เพื่อรักษาเสถียรภาพทางสังคมและการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง" หลิว กล่าวเพิ่มเติม
รัฐบาลจีนประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.ย.) ว่าการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งจะเป็นการพิจารณาเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำในรอบ 10 ปี จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน นักวิเคราะห์จำนวนมากเห็นพ้องว่ามาตรการที่ชัดเจนมากขึ้นในการกระตุ้น เศรษฐกิจจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าการประชุมใหญ่จะสิ้นสุดลง เนื่องจากประเด็นเรื่องผู้นำคนใหม่จะเป็นประเด็นหลักที่ถูกให้ความสำคัญไปจน กว่าการประชุมจะเสร็จสิ้น "เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองนิ่ง ผู้นำจีนจะถูกบีบให้หันเหความสนใจมาสู่การรับมือการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ ชะลอตัวและการจ้างงานที่ย่ำแย่ลง" ติง ลู่ นักเศรษฐศาสตร์จากแบงก์ออฟอเมริกา เมอร์ริล ลินช์ กล่าว
อย่างไรก็ดี แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจจะบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัว แต่ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนชาวจีนยังพบว่ารู้สึกพึงพอใจต่อสภาวะ เศรษฐกิจในเวลานี้ ศูนย์วิจัยพิวเปิดเผยผลสำรวจทัศนคติเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่า 83% ของผู้ตอบแบบสอบถามในจีนคิดว่าสถานการณ์ยังอยู่ในระดับดี
ความพึงพอใจในระดับสูงต่อสภาพเศรษฐกิจแสดงถึงความสำเร็จของจีนภายใต้การนำ ของประธานาธิบดี หู จิ่นเทา และนายกรัฐมนตรี เหวิน เจียเป่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ขณะเดียวกันมาตรฐานที่ผู้นำทั้งสองที่กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่งในปลายปี นี้สร้างเอาไว้ อาจกลายมาเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับว่าที่ผู้นำอย่างนายสี จิ้นผิง และนายหลี่ เค่อเฉียง ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมาปกครองจีนในอีก 10 ปีข้างหน้า
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,780 วันที่ 4-6 ตุลาคม พ.ศ. 2555