“Holus” ยกโฮโลกราฟิกสุดล้ำมาไว้ในบ้าน

[brid.ladawan]

“Holus” ยกโฮโลกราฟิกสุดล้ำมาไว้ในบ้าน

“Holus” ยกโฮโลกราฟิกสุดล้ำมาไว้ในบ้าน
ใครมีเงินถุงเงินถังต้องการเครื่องสร้างภาพโฮโลกราฟิกจากดิจิตอลคอนเทนต์ ต้องไม่พลาดอุปกรณ์ล้ำยุคตัวนี้ เมื่อสตาร์ทอัป จากแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ในชื่อ H+ Technologies ได้ส่ง “Holus” อุปกรณ์สุดล้ำที่สามารถเปลี่ยนคอนเทนต์ดิจิตอลให้กลายเป็นภาพโฮโลแกรม 3 มิติได้สำเร็จ ล่าสุด แคมเปญของพวกเขาใน Kickstarter สามารถทำเงินทะลุ 80,000 เหรียญสหรัฐภายในเวลา 2 ชั่วโมงเท่านั้น

“Holus” ยกโฮโลกราฟิกสุดล้ำมาไว้ในบ้าน
อาจกล่าวได้ว่า Holus เป็นเครื่องมือแสดงผลภาพโฮโลกราฟิกแบบตั้งโต๊ะ และสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้ที่น่าสนใจมาก แม้หน้าตาของเครื่องจะดูธรรมดาๆ เป็นกล่องกระจกสี่เหลี่ยมที่สามารถมองเห็นได้แบบ 360 องศา แต่การทำงานของ Holus นั้นคือ การสร้างภาพโฮโลกราฟิกขึ้นมาจากคอนเทนต์ดิจิตอลทั้งหลายให้ปรากฏเป็นภาพโฮโลแกรมขึ้นภายในกล่องกระจกดังกล่าว ซึ่งหากใช้เพื่อความบันเทิงภายในครอบครัวก็อาจเล่นเป็นเกมได้ และเด็กๆ จะได้เห็นภาพตัวการ์ตูนเดินไปเดินมา (ตรงข้ามกับยุคพ่อแม่ที่ต้องจินตนาการเอาเอง หรือมองเห็นภาพ 3 มิติผ่านทางหน้าจอ) หรือหากนำไปใช้ในการทำงานมันก็อาจกลายเป็นเครื่องจำลองโครงสร้างของดีเอ็นเอขึ้นมาให้เห็นเป็นรูปธรรม ไม่ต้องเสียเวลามองผ่านโปรแกรมแปลงภาพ 3 มิติในจอคอมพิวเตอร์อีกต่อไปนั่นเอง

“Holus” ยกโฮโลกราฟิกสุดล้ำมาไว้ในบ้าน
ไม่เพียงเท่านั้น หากใช้ในโลกของการติดต่อสื่อสาร นั่นหมายถึงการสร้างภาพโฮโลกราฟิกของผู้ที่คุณกำลังคุยด้วยขึ้นมา ซึ่งอาจเป็นคุณพ่อที่ไปทำงานต่างแดน หรือคุณตาคุณยายที่อยู่ต่างเมือง โทร.กลับมาคุยกับลูกหลาน ภาพโฮโลกราฟิกจะทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างใกล้ชิดมากขึ้น

สำหรับโปรเจกต์ดังกล่าวทีมงานตั้งเป้าแคมเปญเอาไว้ที่ 50,000 เหรียญสหรัฐ แต่สถานะล่าสุดพบว่า มีผู้ให้ความสนใจสูงมาก และยอดเงินที่ให้การสนับสนุนโปรเจกต์ดังกล่าวก็พุ่งไปแตะหลัก 139,000 เหรียญสหรัฐแล้ว

“Holus” ยกโฮโลกราฟิกสุดล้ำมาไว้ในบ้าน
นอกจากนี้ ทางผู้พัฒนายังได้ประดิษฐ์สายรัดศีรษะ “Emotiv” สำหรับควบคุมภาพโฮโลกราฟิกด้วยคลื่นสมองมาด้วย

เหนือสิ่งอื่นใด ทางผู้พัฒนาได้สร้างผู้ช่วยโฮโลกราฟิกขึ้นมาในชื่อ Omi โดยเจ้า Omi สามารถพูดคุยโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ รวมถึงรับคำสั่งต่างๆ ได้ดีทีเดียว

สำหรับ Holus นั้นมีทั้งสิ้น 2 เวอร์ชัน คือ Home และ Pro โดยราคาที่แพงกว่าของรุ่น Pro แลกมากับตัวเครื่องที่ใหญ่กว่ารุ่น Home นิดหน่อย และชุด SDK ในการพัฒนาแอปสำหรับอุปกรณ์ตัวนี้ โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 550 เหรียญสหรัฐ

แต่สำหรับใครที่สนใจอยากได้เป็นเจ้าของอาจต้องรอสักหน่อย เพราะทางบริษัทระบุว่า พร้อมจัดส่งในเดือนมีนาคมปีหน้าเป็นต้นไป


ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 11 มิถุนายน 2558