‘inkaNet’เมื่อรถยนต์พูดได้
Posted: 07 Jul 2015, 11:47
‘inkaNet’เมื่อรถยนต์พูดได้
„‘inkaNet’เมื่อรถยนต์พูดได้ วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม 2558 เวลา 1:23 น. ทำให้เชื่อว่า “อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ “ มาถึงประเทศไทยแล้วจริง ๆ ไม่ต้องรอถึงอนาคต ด้วยนวัตกรรม “อินคาเน็ต” (inkaNet)ที่เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) ผู้จำหน่ายรถยนต์ “เอ็มจี” นำมาเปิดตัวในประเทศไทยไปเมื่อ เร็ว ๆ นี้ และจะเป็นระบบมาตรฐานที่ติดตั้งในรถยนต์ทุกรุ่นของเอ็มจีที่จะวางจำหน่ายต่อจาก นี้ไป เพื่อขจัดปัญหาความยุ่งยากของการขับรถ ที่ปัจจุบันต้องเผชิญทั้งความเร่งรีบ ความไม่ปลอดภัย การขับรถหลงทางด้วยถนนหนทางที่สลับซับซ้อน รวมไปถึงความขี้หลงขี้ลืมในช่วงเวลาเร่งด่วน ระบบอินคาเน็ต จึงเกิดขึ้น เพื่อให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น โดย “นายยอดชาย ซื่อวัฒนากุล” ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่าระบบนี้บริษัทเอสเอไอซี มอเตอร์ พัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 2553 มีการใช้งานจริงแล้วที่ประเทศจีน ซึ่งผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ระบบมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงเวอร์ชั่นปัจจุบันที่ครอบคลุมระบบนำทางและความปลอดภัยของรถยนต์ โดยอินคาเน็ต ถือเป็นระบบการสื่อสารอัจฉริยะระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์เอ็มจี ทำงานบนเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย เชื่อมต่อกันผ่านที-บ็อกซ์ ( T-Box)ในรถยนต์เอ็มจีที่ติดตั้งมาจากโรงงาน ทีบ็อกซ์สามารถคุยกับซีซียูของรถยนต์ และสื่อสารกับผู้ใช้ผ่านซิมมือถือที่มีอยู่ในทีบ็อกซ์ จัดเป็นการสื่อสารแบบสองทาง โดยคุยกันผ่าน 3 ช่องทาง คือ ผ่านแอพ inkaNet บนสมาร์ทโฟนทั้งไอโอเอสและแอนดรอยด์ ผ่านเว็บไซต์ www.mgcars.com บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ และผ่านคอลเซ็นเตอร์ ของเอ็มจี ผู้บริหารเอ็มจี บอกว่า ระบบนี้ไม่ถึงขนาดป้องกันรถหายได้ แต่ก็สามารถที่จะติดตามได้ว่ารถคุณกำลังเจอกับสภาวะเสี่ยงอะไรบ้าง และสามารถที่จะติดตามได้ทัน ด้วยฟังก์ชั่นเด่น ๆ อย่างเช่น การตรวจสอบสถานะการทำงานของรถ ฟังก์ชั่นนี้จะแจ้งให้ผู้ขับขี่ ทราบสถานะปัจจุบันอาทิ ระยะทาง น้ำมัน ประตูปิดสนิทหรือไม่ ล็อกแล้วหรือยัง รู้แม้กระทั่งกำลังไฟที่เหลืออยู่ในแบต เตอรี่ ฟังก์ชั่นการควบคุมการทำ งานของรถ จะช่วยให้ผู้ขับขี่สั่งล็อกหรือปลดล็อกรถได้จากระยะไกลผ่าน 3 ช่องทางข้างต้น นอกจากนี้ยังช่วยค้นหารถในที่มืดได้อีกด้วยโดยใช้ฟังก์ชัน Find My Car ซึ่งระบบจะสั่งให้รถเปิดไฟหน้า ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหารถได้ง่ายยิ่งขึ้น และที่สำคัญมีระบบการเตือนความผิดปกติของรถยนต์ เช่น เตือนเมื่อมีการเคลื่อนที่ผิดปกติหรือมีการติดเครื่องยนต์ ช่วยในกรณีที่กำลังจะเกิดการโจรกรรม ระบบจะส่งข้อความแจ้งเตือนความผิดปกติดังกล่าว ผ่านทาง SMS และ Push Notification บนแอพพลิเคชั่นผ่านทางสมาร์ทโฟน เพื่อให้ผู้ใช้ได้ทราบทันที นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นการติดตามรถยนต์แบบเรียลไทม์ การตรวจวิเคราะห์รถยนต์ กรณีที่มีความผิดปกติระหว่างการขับขี่ โดยผู้ขับขี่สามารถตรวจเช็กความผิดปกติ อาทิ เครื่องยนต์ ระบบเบรก ระบบถุงลมนิรภัย ผ่านทางแอพพลิเคชั่น หรือ ติดต่อเอ็มจี คอลเซ็น เตอร์ได้ทันที ดูความสามารถของระบบแล้วทึ่ง ซึ่งผู้บริหารเอ็มจีบอกว่า นวัตกรรมนี้นอกจากจะเป็นมูลค่าเพิ่มให้กับรถยนต์แล้วยังเป็นการยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมรถยนต์ อนาคตรถยนต์ที่มีกลไกสลับซับซ้อน คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้ขับขี่อีกต่อไป.
ที่มา : นาตยา คชินทร nattayap.k@gmail.com
เดลินิวส์ออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2558
„‘inkaNet’เมื่อรถยนต์พูดได้ วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม 2558 เวลา 1:23 น. ทำให้เชื่อว่า “อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ “ มาถึงประเทศไทยแล้วจริง ๆ ไม่ต้องรอถึงอนาคต ด้วยนวัตกรรม “อินคาเน็ต” (inkaNet)ที่เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) ผู้จำหน่ายรถยนต์ “เอ็มจี” นำมาเปิดตัวในประเทศไทยไปเมื่อ เร็ว ๆ นี้ และจะเป็นระบบมาตรฐานที่ติดตั้งในรถยนต์ทุกรุ่นของเอ็มจีที่จะวางจำหน่ายต่อจาก นี้ไป เพื่อขจัดปัญหาความยุ่งยากของการขับรถ ที่ปัจจุบันต้องเผชิญทั้งความเร่งรีบ ความไม่ปลอดภัย การขับรถหลงทางด้วยถนนหนทางที่สลับซับซ้อน รวมไปถึงความขี้หลงขี้ลืมในช่วงเวลาเร่งด่วน ระบบอินคาเน็ต จึงเกิดขึ้น เพื่อให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น โดย “นายยอดชาย ซื่อวัฒนากุล” ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่าระบบนี้บริษัทเอสเอไอซี มอเตอร์ พัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 2553 มีการใช้งานจริงแล้วที่ประเทศจีน ซึ่งผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ระบบมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงเวอร์ชั่นปัจจุบันที่ครอบคลุมระบบนำทางและความปลอดภัยของรถยนต์ โดยอินคาเน็ต ถือเป็นระบบการสื่อสารอัจฉริยะระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์เอ็มจี ทำงานบนเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย เชื่อมต่อกันผ่านที-บ็อกซ์ ( T-Box)ในรถยนต์เอ็มจีที่ติดตั้งมาจากโรงงาน ทีบ็อกซ์สามารถคุยกับซีซียูของรถยนต์ และสื่อสารกับผู้ใช้ผ่านซิมมือถือที่มีอยู่ในทีบ็อกซ์ จัดเป็นการสื่อสารแบบสองทาง โดยคุยกันผ่าน 3 ช่องทาง คือ ผ่านแอพ inkaNet บนสมาร์ทโฟนทั้งไอโอเอสและแอนดรอยด์ ผ่านเว็บไซต์ www.mgcars.com บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ และผ่านคอลเซ็นเตอร์ ของเอ็มจี ผู้บริหารเอ็มจี บอกว่า ระบบนี้ไม่ถึงขนาดป้องกันรถหายได้ แต่ก็สามารถที่จะติดตามได้ว่ารถคุณกำลังเจอกับสภาวะเสี่ยงอะไรบ้าง และสามารถที่จะติดตามได้ทัน ด้วยฟังก์ชั่นเด่น ๆ อย่างเช่น การตรวจสอบสถานะการทำงานของรถ ฟังก์ชั่นนี้จะแจ้งให้ผู้ขับขี่ ทราบสถานะปัจจุบันอาทิ ระยะทาง น้ำมัน ประตูปิดสนิทหรือไม่ ล็อกแล้วหรือยัง รู้แม้กระทั่งกำลังไฟที่เหลืออยู่ในแบต เตอรี่ ฟังก์ชั่นการควบคุมการทำ งานของรถ จะช่วยให้ผู้ขับขี่สั่งล็อกหรือปลดล็อกรถได้จากระยะไกลผ่าน 3 ช่องทางข้างต้น นอกจากนี้ยังช่วยค้นหารถในที่มืดได้อีกด้วยโดยใช้ฟังก์ชัน Find My Car ซึ่งระบบจะสั่งให้รถเปิดไฟหน้า ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหารถได้ง่ายยิ่งขึ้น และที่สำคัญมีระบบการเตือนความผิดปกติของรถยนต์ เช่น เตือนเมื่อมีการเคลื่อนที่ผิดปกติหรือมีการติดเครื่องยนต์ ช่วยในกรณีที่กำลังจะเกิดการโจรกรรม ระบบจะส่งข้อความแจ้งเตือนความผิดปกติดังกล่าว ผ่านทาง SMS และ Push Notification บนแอพพลิเคชั่นผ่านทางสมาร์ทโฟน เพื่อให้ผู้ใช้ได้ทราบทันที นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นการติดตามรถยนต์แบบเรียลไทม์ การตรวจวิเคราะห์รถยนต์ กรณีที่มีความผิดปกติระหว่างการขับขี่ โดยผู้ขับขี่สามารถตรวจเช็กความผิดปกติ อาทิ เครื่องยนต์ ระบบเบรก ระบบถุงลมนิรภัย ผ่านทางแอพพลิเคชั่น หรือ ติดต่อเอ็มจี คอลเซ็น เตอร์ได้ทันที ดูความสามารถของระบบแล้วทึ่ง ซึ่งผู้บริหารเอ็มจีบอกว่า นวัตกรรมนี้นอกจากจะเป็นมูลค่าเพิ่มให้กับรถยนต์แล้วยังเป็นการยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมรถยนต์ อนาคตรถยนต์ที่มีกลไกสลับซับซ้อน คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้ขับขี่อีกต่อไป.
ที่มา : นาตยา คชินทร nattayap.k@gmail.com
เดลินิวส์ออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2558