เผยจุดอ่อน “วินโดวส์ 10” คือ แอปพลิเคชัน
Posted: 15 Jul 2015, 13:39
เผยจุดอ่อน “วินโดวส์ 10” คือ แอปพลิเคชัน
นักวิเคราะห์คาดผลประกอบการไตรมาสนี้ของไมโครซอฟท์ไม่ถึงเป้า เผยร้านค้าแอปพลิเคชันของไมโครซอฟท์ คือ สุดยอดจุดอ่อนที่สามารถ “ฉุด” ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10 (Windows 10) ให้ร่วงลงมาได้
โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) คาดการณ์ผลประกอบการไมโครซอฟท์ในไตรมาสล่าสุด โดยระบุว่า ธุรกิจวินโดวส์ (Windows) คือ ตัวฉุดรั้งไมโครซอฟท์ (Microsoft) โดยทางโกลด์แมน แซคส์ ให้เหตุผลว่า เหตุที่ออกมาประกาศเช่นนี้ เนื่องจากมีองค์กรระดับเอนเทอร์ไพรส์น้อยรายที่จะปรับไปสู่วินโดวส์ 10 หรืออย่างน้อยก็ในช่วงแรก ซึ่งนั่นจะส่งผลต่อรายได้ของไมโครซอฟท์โดยตรง
อีกทั้งยังพบว่า มีองค์กรระดับเอนเทอร์ไพรส์น้อยรายที่จะทำการต่อสัญญา Enterprise License Agreements (ELAs) ซึ่งเป็นแพกเกจขายซอฟต์แวร์พ่วงการซัปพอร์ตของไมโครซอฟท์ด้วย และเมื่อบวกกับตัวเลขการเติบโตของธุรกิจคอมพิวเตอร์พีซีที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้จึงไม่เป็นผลดีต่อผลประกอบการของไมโครซอฟท์เลยนั่นเอง
โดยทางโกลด์แมน แซคส์ ได้คาดการณ์ว่า ผลประกอบการไตรมาสนี้ของไมโครซอฟท์จะมีรายได้อยู่ที่ 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 22,100 ล้านเหรียญสหรัฐเล็กน้อย
ด้านสัตยา นาเดลลา (Satya Nadella) ซีอีโอของไมโครซอฟท์ก็เร่งเดินสายให้สัมภาษณ์ โดยล่าสุดไ ด้ให้สัมภาษณ์นิตยสารฟอร์จูนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10 ความหวังของบริษัทที่ใกล้จะเปิดตัว โดยระบุว่า ระบบปฏิบัติการวินโดวส์นั้นจะอยู่บนแนวคิด one core, one store, one platform
นั่นคือ ไมโครซอฟท์ยุคใหม่จะไม่หวั่นว่าผู้ใช้จะรันวินโดวส์บนคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตอีกต่อไป เพราะทั้งหมดสามารถรันได้บนวินโดวส์ 10 นั่นเอง
ด้าน Matt Weinberger จาก BusinessInsider ได้แสดงความเห็นว่า การออกมาให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการเผยไพ่ในมือของไมโครซอฟท์ที่หวังใช้ตัวเลขยอดผู้ใช้งานโดยรวมของระบบปฏิบัติการวินโดวส์มาดึงดูดความสนใจจากนักพัฒนา
เพราะหากพิจารณาแค่ยอดผู้ใช้งานวินโดวส์โฟนแล้วจะพบว่า ถูกแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ และ iOS ทิ้งห่างจนไม่เห็นฝุ่น แต่ถ้าหากนำตัวเลขของผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ “วินโดวส์” ทั้งหมดมารวมกัน ก็จะกลายเป็นตัวเลขที่น่าสนใจสำหรับนักพัฒนาแอปพลิเคชันได้
นั่นสะท้อนให้เห็นว่า จุดอ่อนที่สุดของไมโครซอฟท์ก็คือ การขาดแอปพลิเคชันดีๆ ให้ผู้ใช้ได้ดาวน์โหลดนั่นเอง
“ผู้บริโภคยุคใหม่จะอยู่ในระบบที่มีแอปให้พวกเขาใช้งาน” Matt เผย
อย่างไรก็ดี หากนึกย้อนไปถึงการใช้งานคอมพิวเตอร์ในอดีตซึ่งไมโครซอฟท์ครองส่วนแบ่งการตลาดเอาไว้เกือบทั้งหมด เรามักพบว่า ปัญหาใหญ่ที่ทำให้คนส่วนหนึ่งไม่ชอบคอมพิวเตอร์ คือ ความยุ่งยากในการติดตั้งโปรแกรม ยิ่งมีการอัปเดตด้วยแล้วยิ่งต้องใช้ทักษะพิเศษพอสมควร นาทีที่มี Google Play หรือ App Store เกิดขึ้นมา และตัดความยุ่งยากเหล่านั้นลงได้หมด จึงอาจเป็นนาทีที่ผู้บริโภคเทคโนโลยีจำนวนมากรู้สึกขอบคุณ และนั่นอาจทำให้บางคนไม่ต้องการหันหลังกลับไปหาผู้ที่สร้างความยุ่งยากอีกต่อไปก็เป็นได้
ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 กรกฎาคม 2558
นักวิเคราะห์คาดผลประกอบการไตรมาสนี้ของไมโครซอฟท์ไม่ถึงเป้า เผยร้านค้าแอปพลิเคชันของไมโครซอฟท์ คือ สุดยอดจุดอ่อนที่สามารถ “ฉุด” ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10 (Windows 10) ให้ร่วงลงมาได้
โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) คาดการณ์ผลประกอบการไมโครซอฟท์ในไตรมาสล่าสุด โดยระบุว่า ธุรกิจวินโดวส์ (Windows) คือ ตัวฉุดรั้งไมโครซอฟท์ (Microsoft) โดยทางโกลด์แมน แซคส์ ให้เหตุผลว่า เหตุที่ออกมาประกาศเช่นนี้ เนื่องจากมีองค์กรระดับเอนเทอร์ไพรส์น้อยรายที่จะปรับไปสู่วินโดวส์ 10 หรืออย่างน้อยก็ในช่วงแรก ซึ่งนั่นจะส่งผลต่อรายได้ของไมโครซอฟท์โดยตรง
อีกทั้งยังพบว่า มีองค์กรระดับเอนเทอร์ไพรส์น้อยรายที่จะทำการต่อสัญญา Enterprise License Agreements (ELAs) ซึ่งเป็นแพกเกจขายซอฟต์แวร์พ่วงการซัปพอร์ตของไมโครซอฟท์ด้วย และเมื่อบวกกับตัวเลขการเติบโตของธุรกิจคอมพิวเตอร์พีซีที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้จึงไม่เป็นผลดีต่อผลประกอบการของไมโครซอฟท์เลยนั่นเอง
โดยทางโกลด์แมน แซคส์ ได้คาดการณ์ว่า ผลประกอบการไตรมาสนี้ของไมโครซอฟท์จะมีรายได้อยู่ที่ 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 22,100 ล้านเหรียญสหรัฐเล็กน้อย
ด้านสัตยา นาเดลลา (Satya Nadella) ซีอีโอของไมโครซอฟท์ก็เร่งเดินสายให้สัมภาษณ์ โดยล่าสุดไ ด้ให้สัมภาษณ์นิตยสารฟอร์จูนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10 ความหวังของบริษัทที่ใกล้จะเปิดตัว โดยระบุว่า ระบบปฏิบัติการวินโดวส์นั้นจะอยู่บนแนวคิด one core, one store, one platform
นั่นคือ ไมโครซอฟท์ยุคใหม่จะไม่หวั่นว่าผู้ใช้จะรันวินโดวส์บนคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตอีกต่อไป เพราะทั้งหมดสามารถรันได้บนวินโดวส์ 10 นั่นเอง
ด้าน Matt Weinberger จาก BusinessInsider ได้แสดงความเห็นว่า การออกมาให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการเผยไพ่ในมือของไมโครซอฟท์ที่หวังใช้ตัวเลขยอดผู้ใช้งานโดยรวมของระบบปฏิบัติการวินโดวส์มาดึงดูดความสนใจจากนักพัฒนา
เพราะหากพิจารณาแค่ยอดผู้ใช้งานวินโดวส์โฟนแล้วจะพบว่า ถูกแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ และ iOS ทิ้งห่างจนไม่เห็นฝุ่น แต่ถ้าหากนำตัวเลขของผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ “วินโดวส์” ทั้งหมดมารวมกัน ก็จะกลายเป็นตัวเลขที่น่าสนใจสำหรับนักพัฒนาแอปพลิเคชันได้
นั่นสะท้อนให้เห็นว่า จุดอ่อนที่สุดของไมโครซอฟท์ก็คือ การขาดแอปพลิเคชันดีๆ ให้ผู้ใช้ได้ดาวน์โหลดนั่นเอง
“ผู้บริโภคยุคใหม่จะอยู่ในระบบที่มีแอปให้พวกเขาใช้งาน” Matt เผย
อย่างไรก็ดี หากนึกย้อนไปถึงการใช้งานคอมพิวเตอร์ในอดีตซึ่งไมโครซอฟท์ครองส่วนแบ่งการตลาดเอาไว้เกือบทั้งหมด เรามักพบว่า ปัญหาใหญ่ที่ทำให้คนส่วนหนึ่งไม่ชอบคอมพิวเตอร์ คือ ความยุ่งยากในการติดตั้งโปรแกรม ยิ่งมีการอัปเดตด้วยแล้วยิ่งต้องใช้ทักษะพิเศษพอสมควร นาทีที่มี Google Play หรือ App Store เกิดขึ้นมา และตัดความยุ่งยากเหล่านั้นลงได้หมด จึงอาจเป็นนาทีที่ผู้บริโภคเทคโนโลยีจำนวนมากรู้สึกขอบคุณ และนั่นอาจทำให้บางคนไม่ต้องการหันหลังกลับไปหาผู้ที่สร้างความยุ่งยากอีกต่อไปก็เป็นได้
ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 กรกฎาคม 2558