เอซีแอลมั่นใจตลาดซอฟต์แวร์ป้องกันโกงในไทยรุ่ง ตั้งเป้าโต 200
Posted: 15 Aug 2015, 15:52
เอซีแอลมั่นใจตลาดซอฟต์แวร์ป้องกันโกงในไทยรุ่ง ตั้งเป้าโต 200%
นายอิริค ลี (คนซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เอซีแอล (ACL) และนายคริส ฮัททัน (คนขวา) ผู้จัดการระดับโกลบอล ด้านการจัดการผลิตภัณฑ์ เอซีแอล (ACL)
เอซีแอลมั่นใจตลาดซอฟต์แวร์ด้านการตรวจสอบ และป้องกันความเสี่ยงในไทยมีโอกาสเติบโต พร้อมเพิ่มพาร์ตเนอร์อีก 2 ราย และส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบคลาวด์เบสลงตลาด หวังสร้างการเติบโต 200% ในปีนี้ เผยจุดเด่นซอฟต์แวร์ทำงานได้หลากหลายใช้งานง่ายในหลากหลายแพลตฟอร์ม
นายอิริค ลี (คนซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เอซีแอล (ACL) กล่าวว่า เอซีแอล เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ด้านการตรวจสอบ และการจัดการความเสี่ยง โดยในช่วงที่ผ่านมาได้ดำเนินธุรกิจในเมืองไทยมาได้ระยะหนึ่ง ด้วยการขายซอฟต์แวร์ผ่านพาร์ตเนอร์ 3 ราย คือ ซอฟต์ไอที โอเพ่นวิชัน และเอฟแอลเอส ซึ่งในปีนี้ได้เตรียมเพิ่มพาร์ตเนอร์อีก 2 ราย รวมไปถึงจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เป็นคลาวด์เบสมากขึ้น โดยตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ประมาณ 200%
ทั้งนี้ ไทยเป็นตลาดที่สำคัญตลาดหนึ่งที่จะสามารถนำเสนอซอฟต์แวร์ในกลุ่มการตรวจสอบ และการจัดการความเสี่ยง เนื่องจากมีโอกาสเติบโตที่ดี โดยขณะนี้มีลูกค้าแล้วประมาณ 30 ราย อยู่ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิกลุ่ม ภาครัฐ ธนาคารและสถาบันการเงิน และกลุ่มรีเทล กลุ่มโทรคมนาคม
“ซอฟต์แวร์ของ ACL สามารถใช้งานได้ทั้งบนเดสก์ท็อปบนเซิร์ฟเวอร์ และบนคลาวด์ ในรูปแบบของซอฟต์แวร์แอสอะเซอร์วิสในบางกลุ่มผลิตภัณฑ์ เราทำซอฟต์แวร์ที่สามารถทำได้ตามความต้องการ และประกอบด้วยฟังก์ชันที่หลากหลาย มาพร้อมความยืดหยุ่น จึงตอบสนองการทำงานให้กับแผนกต่างๆ ในองค์กรได้หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานในกลุ่มของการตรวจสอบ ไฟแนนซ์ ไอทีกรุ๊ป และคอมพลายแอนด์”
สำหรับตลาดการจัดการเรื่องความเสี่ยงกับประสิทธิภาพนั้น คาดว่า ในปี 2013-2018 ตลาดนี้จะมีมูลค่าตลาดรวมทั่วโลกประมาณ 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนในตลาดเอเชียแปซิฟิกคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 650 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ตลาดในไทยคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ
ด้านนายคริส ฮัททัน (คนขวา) ผู้จัดการระดับโกลบอล ด้านการจัดการผลิตภัณฑ์ เอซีแอล (ACL) กล่าวว่า ACL มีบริษัทแม่อยู่ที่ประเทศแคนาดา ก่อตั้งขึ้นในปี 1977 โดยปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ประมาณ 14,000 รายทั่วโลก โดยในเอเชียแปซิฟิกมีสาขาอยู่ในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง และฟิลิปปินส์ ส่วนในเมืองไทยนั้นยังไม่มีแผนที่จะเปิดออฟฟิศ เนื่องจากต้องศึกษาตลาด และการเติบโตในเมืองไทยก่อน เช่นเดียวกับการเข้าไปทำตลาดกลุ่มประเทศอินโดจีนก็ยังไม่มีแผนเช่นกัน
ทั้งนี้ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ACL คือ ลูกค้าจะสามารถจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น ป้องกันการสูญเสีย และการโกงต่างๆ รวมถึงยังสามารถปรับฟังก์ชันให้เข้ากับกฎเกณฑ์ และกฎระเบียบในเรื่องต่างๆ ได้ดีขึ้น ช่วยให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างง่ายดาย เหมาะสำหรับนำไปใช้กับสถาบันการเงิน ภาครัฐ รวมไปถึงบริษัทที่มีหลายสาขา นำไปใช้ในการควบคุมองค์กรให้การปฏิบัติงานมีความโปร่งใส ลดความเสี่ยง และการปฏิบัติตามข้อบังคับ ซึ่งซอฟต์แวร์จะสามารถตอบสนองสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยการมอนิเตอร์แบบเรียลไทม์
“จุดเด่นของซอฟต์แวร์นั้นอยู่ที่การติดตั้งที่ง่ายและรวดเร็ว สามารถตอบสนองการช่วยประมวลผลการเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลต่างๆ และจะทำการวิเคราะห์ให้ได้อย่างรวดเร็ว แสดงผลด้วยอินเทอร์เฟซที่สามารถมองได้ง่าย เข้าใจได้ง่าย มีความทันสมัย ยูสเซอร์เฟรนด์ลี และมีฟีเจอร์โมบิลิตีด้วย ซึ่งด้วยซอฟต์แวร์ของ ACL จะช่วยควบคุมการปฏิบัติตามข้อบังคับด้วยสัญญาผูกมัดที่กำหนดไว้ ป้องกัน ตรวจหา และยับยั้งอาชญากรรมทางการเงิน ประเมินความเสี่ยงแบบเรียลไทม์เพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ”
ที่มา : โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 สิงหาคม 2558
นายอิริค ลี (คนซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เอซีแอล (ACL) และนายคริส ฮัททัน (คนขวา) ผู้จัดการระดับโกลบอล ด้านการจัดการผลิตภัณฑ์ เอซีแอล (ACL)
เอซีแอลมั่นใจตลาดซอฟต์แวร์ด้านการตรวจสอบ และป้องกันความเสี่ยงในไทยมีโอกาสเติบโต พร้อมเพิ่มพาร์ตเนอร์อีก 2 ราย และส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบคลาวด์เบสลงตลาด หวังสร้างการเติบโต 200% ในปีนี้ เผยจุดเด่นซอฟต์แวร์ทำงานได้หลากหลายใช้งานง่ายในหลากหลายแพลตฟอร์ม
นายอิริค ลี (คนซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เอซีแอล (ACL) กล่าวว่า เอซีแอล เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ด้านการตรวจสอบ และการจัดการความเสี่ยง โดยในช่วงที่ผ่านมาได้ดำเนินธุรกิจในเมืองไทยมาได้ระยะหนึ่ง ด้วยการขายซอฟต์แวร์ผ่านพาร์ตเนอร์ 3 ราย คือ ซอฟต์ไอที โอเพ่นวิชัน และเอฟแอลเอส ซึ่งในปีนี้ได้เตรียมเพิ่มพาร์ตเนอร์อีก 2 ราย รวมไปถึงจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เป็นคลาวด์เบสมากขึ้น โดยตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ประมาณ 200%
ทั้งนี้ ไทยเป็นตลาดที่สำคัญตลาดหนึ่งที่จะสามารถนำเสนอซอฟต์แวร์ในกลุ่มการตรวจสอบ และการจัดการความเสี่ยง เนื่องจากมีโอกาสเติบโตที่ดี โดยขณะนี้มีลูกค้าแล้วประมาณ 30 ราย อยู่ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิกลุ่ม ภาครัฐ ธนาคารและสถาบันการเงิน และกลุ่มรีเทล กลุ่มโทรคมนาคม
“ซอฟต์แวร์ของ ACL สามารถใช้งานได้ทั้งบนเดสก์ท็อปบนเซิร์ฟเวอร์ และบนคลาวด์ ในรูปแบบของซอฟต์แวร์แอสอะเซอร์วิสในบางกลุ่มผลิตภัณฑ์ เราทำซอฟต์แวร์ที่สามารถทำได้ตามความต้องการ และประกอบด้วยฟังก์ชันที่หลากหลาย มาพร้อมความยืดหยุ่น จึงตอบสนองการทำงานให้กับแผนกต่างๆ ในองค์กรได้หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานในกลุ่มของการตรวจสอบ ไฟแนนซ์ ไอทีกรุ๊ป และคอมพลายแอนด์”
สำหรับตลาดการจัดการเรื่องความเสี่ยงกับประสิทธิภาพนั้น คาดว่า ในปี 2013-2018 ตลาดนี้จะมีมูลค่าตลาดรวมทั่วโลกประมาณ 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนในตลาดเอเชียแปซิฟิกคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 650 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ตลาดในไทยคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ
ด้านนายคริส ฮัททัน (คนขวา) ผู้จัดการระดับโกลบอล ด้านการจัดการผลิตภัณฑ์ เอซีแอล (ACL) กล่าวว่า ACL มีบริษัทแม่อยู่ที่ประเทศแคนาดา ก่อตั้งขึ้นในปี 1977 โดยปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ประมาณ 14,000 รายทั่วโลก โดยในเอเชียแปซิฟิกมีสาขาอยู่ในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง และฟิลิปปินส์ ส่วนในเมืองไทยนั้นยังไม่มีแผนที่จะเปิดออฟฟิศ เนื่องจากต้องศึกษาตลาด และการเติบโตในเมืองไทยก่อน เช่นเดียวกับการเข้าไปทำตลาดกลุ่มประเทศอินโดจีนก็ยังไม่มีแผนเช่นกัน
ทั้งนี้ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ACL คือ ลูกค้าจะสามารถจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น ป้องกันการสูญเสีย และการโกงต่างๆ รวมถึงยังสามารถปรับฟังก์ชันให้เข้ากับกฎเกณฑ์ และกฎระเบียบในเรื่องต่างๆ ได้ดีขึ้น ช่วยให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างง่ายดาย เหมาะสำหรับนำไปใช้กับสถาบันการเงิน ภาครัฐ รวมไปถึงบริษัทที่มีหลายสาขา นำไปใช้ในการควบคุมองค์กรให้การปฏิบัติงานมีความโปร่งใส ลดความเสี่ยง และการปฏิบัติตามข้อบังคับ ซึ่งซอฟต์แวร์จะสามารถตอบสนองสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยการมอนิเตอร์แบบเรียลไทม์
“จุดเด่นของซอฟต์แวร์นั้นอยู่ที่การติดตั้งที่ง่ายและรวดเร็ว สามารถตอบสนองการช่วยประมวลผลการเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลต่างๆ และจะทำการวิเคราะห์ให้ได้อย่างรวดเร็ว แสดงผลด้วยอินเทอร์เฟซที่สามารถมองได้ง่าย เข้าใจได้ง่าย มีความทันสมัย ยูสเซอร์เฟรนด์ลี และมีฟีเจอร์โมบิลิตีด้วย ซึ่งด้วยซอฟต์แวร์ของ ACL จะช่วยควบคุมการปฏิบัติตามข้อบังคับด้วยสัญญาผูกมัดที่กำหนดไว้ ป้องกัน ตรวจหา และยับยั้งอาชญากรรมทางการเงิน ประเมินความเสี่ยงแบบเรียลไทม์เพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ”
ที่มา : โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 สิงหาคม 2558