Page 1 of 1

อ่านโลก..อ่านชีวิต เริ่มจากอ่านแรก กับครอบครัว

Posted: 14 Mar 2014, 15:10
by brid.ladawan
อ่านโลก..อ่านชีวิต เริ่มจากอ่านแรก กับครอบครัว

เป็นที่ยอมรับว่า “การอ่าน”เป็นรากฐานสำคัญของการสร้างกระบวนการเรียนรู้ แต่สถานการณ์ “การอ่านของคนไทย” กลับอยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐาน

จากการประเมินพฤติกรรมการอ่านของคนไทยยังพบอีกว่าคนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละ 5 เล่มขณะที่คนเวียดนามอ่านปีละ 60 เล่ม สิงคโปร์อ่านปีละ 45เล่ม มาเลเซีย อ่านปีละ 40 เล่ม ส่งผลให้การทดสอบทาง PISA ในปี 2552 เด็กไทยได้คะแนนเฉลี่ยด้านการอ่านต่ำกว่ามาตรฐานเมื่อเทียบกับนานาประเทศ โดยความสามารถด้านการอ่านอยู่ในอันดับ 50 จาก 65ประเทศ

ที่ผ่านมาสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จึงเข้ามาสนับสนุนให้เกิดโครงการส่งเสริมการอ่านอย่างจริงจัง กระทั่งเกิด”ต้นแบบ” ที่สามารถกระตุ้นให้เด็กและคนในชุมชน ให้ความสำคัญกับการ”อ่าน”มากขึ้น

“โรงเรียนสุเหร่าทรายกองดิน” เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ และตำบลดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เป็น 2 กรณีศึกษาที่นำมาเรียนรู้ใน “เวทีปฏิรูปการเรียนรู้ส่งการศึกษาเพื่อคนทั้งมวลครั้งที่ 26” โดยสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) เมื่อเร็วๆนี้

โรงเรียนสุเหร่าทรายกองดินเป็นอีกตัวอย่างของโรงเรียนอ่านสร้างสุข โดยมีครูบรรณารักษ์ 2 คน ที่ให้ความสำคัญกับ”การอ่าน” มาตลอด เป็นแกนนำในการขับเคลื่อน

ครูจันดา หมัดมุดหนึ่งในครูบรรณารักษ์ของโรงเรียน เล่าว่า จากปัญหาที่พบว่าเด็กอ่านไม่ออกและไม่คล่อง ตามมาด้วยการจัดทดสอบเด็กทั้งโรงเรียน เพื่อคัดกรองเด็กที่มีปัญหาจริง นำมาสู่การทำโครงการเพื่อแก้ปัญหาอย่างชัดเจนโดยจัดครูสอนเป็นการเฉพาะกับเด็กกลุ่มนี้ พร้อมกับจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน โดยเน้นสร้างบรรยากาศห้องสมุดดึงดูดให้เด็กเข้ามาหาหนังสืออ่าน เช่น จัดขนมสำหรับเด็ก การทำกิจกรรม ”ครอบครัวรักการอ่าน” โดยมีครูประจำชั้นออกเยี่ยมบ้านเด็กและให้รางวัลกับครอบครัวที่จัดบรรยากาศบ้านที่ส่งเสริมการอ่านขณะเดียวกันใช้การรณรงค์ผ่านเสียงตามสายประชาสัมพันธ์ ให้คนในชุมชนร่วมมือทำกิจกรรมต่างๆด้วย

กิจกรรมหลักที่ส่งเสริมการอ่านกับคนในชุมชนที่สำคัญเป็น “ตลาดนักอ่าน”ที่ให้เด็ก และคนในชุมชนขายสินค้าโดยมีข้อแม้ว่าต้องเขียนหนังสือให้เด็กอ่านก่อนซื้อ รวมถึงจัดห้องสมุดเคลื่อนที่โดยให้ ยุวทูตนำตระกร้าหนังสือวางตามจุดต่างๆ ทั้งในโรงเรียนและชุมชน

พงษ์ศักดิ์ ชนะภู ครูบรรณารักษ์อีกคนของโรงเรียนที่เป็นผู้ร่วมขับเคลื่อนกิจกรรม ระบุว่าตนเองส่งเสริมการอ่านตั้งแต่ในครอบครัว โดยอ่านนิทานให้ลูกฟังก่อนนอนเพื่อสร้างพื้นที่แห่งความสุข จากความใกล้ชิดระหว่างพ่อแม่และลูก และยังสร้างสมาธิ ทั้งปิดสวิตท์ให้ลูกนอนหลับหลังจากเจอเรื่องต่างๆในแต่ละวัน

ในขณะที่ชุมชนตำบลดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เป็นอีกกรณีศึกษาถูกถ่ายทอดผ่านผู้ใหญ่บ้าน ธนิชา ธนะสาร ว่าการส่งเสริมชุมชนในตำบลดอนแก้วให้รักการอ่านมีจุดเริ่มต้นจากโครงการพัฒนาด้านอื่นในตำบล อาทิเยาวชน สิ่งแวดล้อม จากนั้นได้พบปัญหาว่าเยาวชนไม่ชอบอ่านหนังสือจึงเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านของสสส.โดยร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนตำบลดอนแก้วโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลดอนแก้ว และทำงานเป็นทีมมีอาสาสมัครหมู่บ้านเป็นกลไกสำคัญ

กิจกรรมหลักที่ดำเนินการ อาทิ “ตระกร้าปัญญา”โดยอาสาสมัครจะขี่จักรยานไปตามจุดต่างๆของชุมชน เพื่อนำหนังสือไปวาง อาทิศาลากลางบ้าน เป็นต้น โดยหนังสือที่จัดไปนั้นหลากหลายสำหรับทุกเพศทุกวัย จากนั้นเริ่มประสานกับองค์กรต่างๆ ทั้งโรงเรียน และโรงพยาบาล เพื่อจัดมุมหนังสือกระตุ้นการอ่าน และที่เน้นย้ำ คือ การทำให้โครงการรักการอ่านมีความยั่งยืนจึงพัฒนาศักยภาพของอาสาสมัครไปพร้อมกันด้วย

ความก้าวหน้าของ 2 โครงการต้นแบบได้รับการผลักดันจาก ผู้บริหารโครงการ คุณสุดใจ พรหมเกิด จากมูลนิธิเด็ก ในฐานะผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านบอกว่า การที่กรมอนามัย พบว่าเด็กไทยพัฒนาการล่าช้า และดิ่งลง เป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ดังนั้นโครงการส่งเสริมรักการอ่านจึงเป็นโครงการที่จะมาสนับสนุนให้โรงเรียน และชุมชนเป็นกลไกกระตุ้นการอ่าน

ขณะเดียวกันในเวทีการประชุม นักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิต่างย้ำเตือนถึงความสำคัญของการอ่าน ดร.ดิเรก พรสีมา อดีตประธานคณะกรรมการคุรุสภา ย้ำว่ามูลเหตุความยากจนมาจากความไม่เป็นธรรม การอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ คิดไม่เป็นคอรัปชั่น ปัญหาเอดส์ แต่ทั้งหมดนี้หากแก้ปัญหาการอ่านไม่ออก ได้เพียงข้อเดียวเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาอื่นๆได้ขณะเดียวกันต้องมีกระบวนการพัฒนาให้ผู้ที่จะมาเป็นครูมีคุณสมบัติส่งเสริมการอ่านด้วยนอกจากนี้การส่งเสริมการอ่านไม่ควรรอรัฐบาล ต้องเริ่มทำกันเองในชุมชน

ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้บริหารรร.สัตยาใสจ.ลพบุรี เล่าประสบการณ์ในวัยเด็ก ที่มีพ่ออ่านนิทานให้ฟังทุกคืนทำให้รักการอ่านมาตลอด และทุกวันนี้เล่านิทาน 2 ภาษาให้เด็กฟังทุกเช้าที่รร.สัตยาใสจ.ลพบุรี ซึ่งพบว่า เด็กกระตือรือร้นที่จะหาหนังสืออ่านเองเพิ่มเติมและทำให้เด็กเก่งภาษาอีกด้วย เช่นเดียวกับอาจารย์ประวิต เอราวรรณ์ กรรมการปฏิรูป ที่พ่อแม่จัดสภาพบ้าน ให้อยู่กับกองหนังสือไม่ใช่ของเล่น ทำให้รักการอ่าน

ผู้ร่วมประชุมยังชี้ให้เห็นความสำคัญของ”ครู” ว่าเป็นกลจักรสำคัญในการส่งเสริมการอ่านรวมถึงข้อเสนอในการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการส่งเสริมการอ่าน อาทิ “แทบเล็ต” ที่มีการแจกให้เด็กอยู่แล้วมาต่อยอดส่งเสริมการอ่าน และยังได้ย้ำเตือนถึงการเรียนรู้ของเด็ก ว่าไม่ได้หมายถึง อ่านหนังสือเท่านั้น แต่รวมถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัวด้วย ทั้งการที่ผู้ใหญ่คุยกัน การเดินทาง เป็นต้น ดังนั้นสิ่งแวดล้อมจึงมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็กเช่นเดียวกับการอ่านหนังสือ

ศาสตราจารย์นพ.ประเวศ วะสีย้ำในตอนท้ายว่าการอ่านมีคุณค่าต่อชีวิต การอ่านสามารถเปลี่ยนชีวิตได้และยังช่วยสร้างครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง เพียงแต่เอาชุมชนเป็นตัวตั้งโดยทุกภาคส่วนในชุมชนมีส่วนร่วม

ที่มา เดลินิวส์
วันที่14 มีนาคม 2557