ชี้เด็กเกิดน้อยลง หวั่นขาดแรงงาน

[brid.siriwan]

ชี้เด็กเกิดน้อยลง หวั่นขาดแรงงาน

"นักประชากรศาสตร์"ชี้อัตราการเกิดในไทยน้อยลง ขณะที่ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น หวั่นขาดแคลนแรงงานในอนาคต ต้องนำเข้าต่างด้าว เสนอขยายอายุเกษียณเป็น 65 ปี พร้อมแนะแก้ปัญหาแม่วัยรุ่น เสี่ยงเสียชีวิต

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่โรงแรมเอเชีย ราชเทวี สถาบันวิจัยประชากรและสังคม (วปส.) มหาวิทยาลัยมหิดล จัดการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 10 เรื่อง “การเกิดกับความมั่นคงในประชากรและสังคม” โดยมีนายปราโมทย์ ประสาทกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านประชากรศาสตร์ของประเทศไทย กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “เกิดอย่างไร ประเทศไทยจึงมั่นคง?” โดยระบุตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยประสบปัญหาการเกิดน้อยลง มีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้น ทำให้อนาคตอาจขาดแคลนแรงงานบางประเภท จึงอาจต้องนำเข้าแรงงานจากต่างประเทศมากขึ้น ปรับวิธีการผลิต โดยการเพิ่มเทคโนโลยีเข้ามาใช้แทนกำลังคน และต้องพัฒนาคุณภาพเด็กที่เกิดจากแรงงานข้ามชาติ เพราะพวกเขาจะอยู่กับเราไปอีกนาน นอกจากนี้ยังเสนอให้ขยายอายุเกษียณเป็น 65 ปี และปรับมโนทัศน์ในสังคมว่าคนอายุ 60 ยังไม่แก่ ส่งเสริมผู้หญิงเข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมสุขภาพของคนวัยแรงงาน

นายปราโมทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรทั้งหมด 67 ล้านคน แบ่งเป็นประชากรที่จดทะเบียนทั้งสิ้น 65 ล้านคน และแรงงานข้ามชาติอีก 2 ล้านคน โดยมีประชากรเด็กไม่ถึง 20% และมีประชากรสูงวัย 16% หรือประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่มาก และจากอัตราเจริญพันธุ์รวม หรือTFR พบว่าผู้หญิงไทยมีบุตรโดยเฉลี่ยคนละ 1.6 คนเท่านั้น ซึ่งลดลงอย่างมากจากเมื่อก่อนที่มีมากกว่า 5 คน และเมื่อเทียบกับฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นประเทศที่เคยมีจำนวนประชากรใกล้เคียงกับไทย พบว่าปัจจุบันฟิลิปปินส์มีประชากร 90 ล้านคน ขณะที่ไทยมี 65 ล้านคน และมีอัตราการเพิ่มช้าลงเรื่อย ๆ โดยฟิลิปปินส์มีอัตราการเกิดปีละ 2 ล้านคน ขณะที่ไทยมีอัตราการเกิดปีละ 8 แสนคน ตายปีละ 4.5 แสนคน เพิ่มปีละ 3.5 แสนคน หรือประมาณ 0.5% เท่านั้น

นายปราโมทย์ กล่าวอีกว่าสำหรับปัจจัยที่ประเทศไทยมีการเกิดน้อยลงนั้น จากสำมะโนประชากรปี 53 พบว่า คนรุ่นใหม่นิยมครองโสดมากขึ้น มีการแต่งงานช้าลง โดยชายมีอายุแรกสมรสที่ 29 ปี ส่วนหญิงมีอายุแรกสมรส 25 ปี ประกอบกับคนมีการศึกษาสูงขึ้น โดยชายอายุ 25-29 ปีจบระดับปริญญาตรี 34% และหญิงอายุ 25-29 ปี จบปริญญาตรีถึง 53%

“เราต้องทำให้การเกิดเป็นการเกิดที่มีคุณภาพ คือการเกิดที่แม่ตั้งใจพร้อมและวางแผน ทำให้ประชาชนเห็นคุณค่าว่าการเกิดคือการช่วยชาติ เมื่อมีการเกิดที่มีคุณภาพก็จะนำไปสู่การมีประชากรที่มีคุณภาพ ซึ่งจะทำให้ประเทศมีความมั่นคงทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวัฒนธรรม” นายปราโมทย์ กล่าว

ด้านนางปัทมา ว่าพัฒนวงศ์ ได้เสนอบทความเรื่องสถานการณ์การเกิดในช่วงครึ่งศตวรรษ มีความตอนหนึ่งว่า ไทยประสบปัญหาการเกิดที่ด้อยคุณภาพ ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขมากกว่าปัญหาการลดลงของวัยเจริญพันธุ์ โดยการเกิดที่ด้อยคุณภาพมีสาเหตุมาจากการตั้งครรภ์ของมารดาที่ยังไม่ถึงวัยอันควร ซึ่งเมื่อดูสถิติจากปี 2501-2555 ไทยมีแนวโน้มการเกิดจากมารดาที่อายุต่ำกว่า 20 ปีเพิ่มขึ้นจากเกือบ 6% มาเป็น 17% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าเกณฑ์ที่องค์กรอนามัยโลกกำหนดไว้ ว่าการเกิดจากมารดาที่อายุต่ำกว่า 20 ปีไม่ควรมีเกิน 10 % ของการเกิดทั้งหมด เพราะการเกิดจากแม่ที่อายุน้อยจะทำให้ทารกแรกเกิดมีน้ำหนักน้อย มีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าทารกที่มีน้ำหนักมาก.

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 1 กรกฎาคม 2557