เอไอเอสเล็งตั้งไทยเป็นศูนย์กลางคอลเซ็นเตอร์ผู้พิการในอินโดจี
Posted: 10 Nov 2014, 16:45
เอไอเอสเล็งตั้งไทยเป็นศูนย์กลางคอลเซ็นเตอร์ผู้พิการในอินโดจีน
“เอไอเอส” เปิดคอลล์เซ็นเตอร์แด่ผู้พิการแห่งที่ 5 ในจังหวัดหนองคาย และจะเปิดอีก 5 แห่งในปีหน้า เล็งดันไทยเป็นศูนย์กลางคอลเซ็นเตอร์ผู้พิการในอินโดจีน เผยปัจจุบันมีพนักงานคอลล์เซ็นเตอร์ผู้พิการแล้ว 77 คน ซึ่งทั้งหมดจะทำหน้าที่เหมือนพนักงานปกติแทบทุกอย่าง และมีเงินเดือนประจำ ชี้ก่อนจะมาเป็นคอลเซ็นเตอร์ต้องฝึกอบรมจากส่วนกลาง 6 เดือน และพร้อมผลักดันด้านเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อใช้ในการทำงานอย่างต่อเนื่อง
นางวิลาสินี พุทธิการันต์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านงานบริการและบริหารลูกค้า บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า นอกเหนือไปจากการให้บริการทางด้านโครงสร้างพื้นฐานทางด้านโทรคมนาคมแล้ว เอไอเอสยังให้ความสำคัญในเรื่องของการสร้างโอกาส และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่กลุ่มคนในทุกระดับ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ทำการสนับสนุนกลุ่มผู้ด้อยโอกาส และผู้พิการผ่านโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ได้ทำการเปิดเอไอเอสคอลเซ็นเตอร์แก่ผู้พิการในจังหวัดหนองคายเพิ่มอีก 1 แห่ง จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 4 แห่ง
ปัจจุบัน เอไอเอสมีพนักงานคอลเซ็นเตอร์ผู้พิการ 77 คน และเตรียมที่จะเปิดบริการอีก 5 แห่งภายในปี 2558 นี้ ซี่งการจัดรูปแบบดังกล่าวนั้น เอไอเอสได้ออกแบบงาน และหน้าที่ให้กลุ่มพนักงานผู้พิการอย่างเหมาะสม รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีต่างๆ ที่เป็นเครื่องมือช่วยให้การบริการลูกค้ามีประสิทธิมากขึ้น เช่น ติดตั้งโครงข่ายออนไลน์ นำเทคโนโลยีดักจับความเคลื่อนไหวคีย์บอร์ด หรือสิ่งแสดงผลทางหน้าจอแล้วเปลี่ยนเป็นเสียงพูด ซึ่งใช้ควบคู่กับโปรแกรมตาทิพย์ของสถาบันคนตาบอดแห่งชาติเพื่อการวิจัยและพัฒนา
“ผู้พิการที่เข้ามาเป็นคอลเซ็นเตอร์จะเปรียบเสมือนพนักงานคนหนึ่งของเอไอเอส ที่จะต้องมีการฝึกอบรมจากพนักงานส่วนกลางราว 6 เดือน เพื่อให้บริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการโทร.ติดต่อลูกค้าตรวจสอบชื่อ ที่อยู่ พร้อมนำเสนอสิทธิพิเศษต่างๆ การส่งเอสเอ็มเอส ให้บริการคอลเซ็นเตอร์ภาษามือผ่านทางเว็บแคม เป็นไปอย่างราบรื่น และปกติเหมือนพนักงานทั่วไป สำหรับในคอลเซ็นเตอร์สำหรับผู้พิการในส่วนกลางนั้น เอไอเอสจะเป็นผู้บริหารจัดการเอง ส่วนในจังหวัดอื่นๆ จะเน้นการเอาต์ซอร์ส ซึ่งจะได้รับเงินเดือนในอัตราปกติเหมือนกับบุคคลทั่วไปวุฒิปริญญาตรี”
นางวิลาสินี กล่าวต่อว่า ค่าใช้จ่ายการลงทุนสร้างศูนย์คอลเซ็นเตอร์ใช้งบ 1-2 ล้านบาท ดึงมาจากงบซีเอสอาร์ และงบการดำเนินงานส่วนกลาง ซึ่งแผนงานในอนาคตนั้น เอไอเอสตั้งใจที่จะพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางของคอลเซ็นเตอร์คนพิการชาวพม่า กัมพูชา และลาว ซึ่งเอไอเอสก็มีฐานลูกค้าประเทศเพื่อนบ้านอยู่พอสมควร ดังนั้น จะมีการฝึกอบรมคนพิการต่างชาติเหล่านี้ให้มาทำงานกับเอไอเอสด้วย
โดยล่าสุด เอไอเอสได้เปิดคอลเซ็นเตอร์แก่ผู้พิการร่วมกับโรงเรียนอาชีวะพระมหาไถ่ หนองคายโดยมีจำนวนพนักงานเบื้องต้น 9 คน ซึ่งส่วนใหญ่พิการทางร่างกาย ซึ่งเอไอเอสมองว่า การให้โอกาสเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ผู้ด้อยโอกาส และผู้พิการสามารถแสดงศักยภาพของตนออกมาได้อย่างเต็มที่ เพื่อเป็นอีกกำลังหลักในการพัฒนาประเทศชาติให้เข้มแข็งร่วมกับคนปกติทั่วไป โดยเอไอเอสพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างต่อเนื่องด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และจะเป็นแรงผลักดันให้สังคมหันมาสนใจต่อผู้พิการทุกประเภท และเปิดโอกาสให้แก่พวกเขาเหมือนกันที่เอไอเอสกำลังทำอยู่เช่นกัน
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2557
“เอไอเอส” เปิดคอลล์เซ็นเตอร์แด่ผู้พิการแห่งที่ 5 ในจังหวัดหนองคาย และจะเปิดอีก 5 แห่งในปีหน้า เล็งดันไทยเป็นศูนย์กลางคอลเซ็นเตอร์ผู้พิการในอินโดจีน เผยปัจจุบันมีพนักงานคอลล์เซ็นเตอร์ผู้พิการแล้ว 77 คน ซึ่งทั้งหมดจะทำหน้าที่เหมือนพนักงานปกติแทบทุกอย่าง และมีเงินเดือนประจำ ชี้ก่อนจะมาเป็นคอลเซ็นเตอร์ต้องฝึกอบรมจากส่วนกลาง 6 เดือน และพร้อมผลักดันด้านเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อใช้ในการทำงานอย่างต่อเนื่อง
นางวิลาสินี พุทธิการันต์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านงานบริการและบริหารลูกค้า บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า นอกเหนือไปจากการให้บริการทางด้านโครงสร้างพื้นฐานทางด้านโทรคมนาคมแล้ว เอไอเอสยังให้ความสำคัญในเรื่องของการสร้างโอกาส และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่กลุ่มคนในทุกระดับ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ทำการสนับสนุนกลุ่มผู้ด้อยโอกาส และผู้พิการผ่านโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ได้ทำการเปิดเอไอเอสคอลเซ็นเตอร์แก่ผู้พิการในจังหวัดหนองคายเพิ่มอีก 1 แห่ง จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 4 แห่ง
ปัจจุบัน เอไอเอสมีพนักงานคอลเซ็นเตอร์ผู้พิการ 77 คน และเตรียมที่จะเปิดบริการอีก 5 แห่งภายในปี 2558 นี้ ซี่งการจัดรูปแบบดังกล่าวนั้น เอไอเอสได้ออกแบบงาน และหน้าที่ให้กลุ่มพนักงานผู้พิการอย่างเหมาะสม รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีต่างๆ ที่เป็นเครื่องมือช่วยให้การบริการลูกค้ามีประสิทธิมากขึ้น เช่น ติดตั้งโครงข่ายออนไลน์ นำเทคโนโลยีดักจับความเคลื่อนไหวคีย์บอร์ด หรือสิ่งแสดงผลทางหน้าจอแล้วเปลี่ยนเป็นเสียงพูด ซึ่งใช้ควบคู่กับโปรแกรมตาทิพย์ของสถาบันคนตาบอดแห่งชาติเพื่อการวิจัยและพัฒนา
“ผู้พิการที่เข้ามาเป็นคอลเซ็นเตอร์จะเปรียบเสมือนพนักงานคนหนึ่งของเอไอเอส ที่จะต้องมีการฝึกอบรมจากพนักงานส่วนกลางราว 6 เดือน เพื่อให้บริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการโทร.ติดต่อลูกค้าตรวจสอบชื่อ ที่อยู่ พร้อมนำเสนอสิทธิพิเศษต่างๆ การส่งเอสเอ็มเอส ให้บริการคอลเซ็นเตอร์ภาษามือผ่านทางเว็บแคม เป็นไปอย่างราบรื่น และปกติเหมือนพนักงานทั่วไป สำหรับในคอลเซ็นเตอร์สำหรับผู้พิการในส่วนกลางนั้น เอไอเอสจะเป็นผู้บริหารจัดการเอง ส่วนในจังหวัดอื่นๆ จะเน้นการเอาต์ซอร์ส ซึ่งจะได้รับเงินเดือนในอัตราปกติเหมือนกับบุคคลทั่วไปวุฒิปริญญาตรี”
นางวิลาสินี กล่าวต่อว่า ค่าใช้จ่ายการลงทุนสร้างศูนย์คอลเซ็นเตอร์ใช้งบ 1-2 ล้านบาท ดึงมาจากงบซีเอสอาร์ และงบการดำเนินงานส่วนกลาง ซึ่งแผนงานในอนาคตนั้น เอไอเอสตั้งใจที่จะพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางของคอลเซ็นเตอร์คนพิการชาวพม่า กัมพูชา และลาว ซึ่งเอไอเอสก็มีฐานลูกค้าประเทศเพื่อนบ้านอยู่พอสมควร ดังนั้น จะมีการฝึกอบรมคนพิการต่างชาติเหล่านี้ให้มาทำงานกับเอไอเอสด้วย
โดยล่าสุด เอไอเอสได้เปิดคอลเซ็นเตอร์แก่ผู้พิการร่วมกับโรงเรียนอาชีวะพระมหาไถ่ หนองคายโดยมีจำนวนพนักงานเบื้องต้น 9 คน ซึ่งส่วนใหญ่พิการทางร่างกาย ซึ่งเอไอเอสมองว่า การให้โอกาสเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ผู้ด้อยโอกาส และผู้พิการสามารถแสดงศักยภาพของตนออกมาได้อย่างเต็มที่ เพื่อเป็นอีกกำลังหลักในการพัฒนาประเทศชาติให้เข้มแข็งร่วมกับคนปกติทั่วไป โดยเอไอเอสพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างต่อเนื่องด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และจะเป็นแรงผลักดันให้สังคมหันมาสนใจต่อผู้พิการทุกประเภท และเปิดโอกาสให้แก่พวกเขาเหมือนกันที่เอไอเอสกำลังทำอยู่เช่นกัน
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2557