คลังชี้ขาดดุลต่อเนื่อง 2 ปี จนถึงปี 60
Posted: 12 Nov 2014, 09:03
คลังชี้ขาดดุลต่อเนื่อง 2 ปี จนถึงปี 60
คาดปี 59 จัดทำงบประมาณแบบขาดดุล350,000 ล้านบาท จากปีนี้ 255,000 ล้านบาท เตรียมเพิ่มค่าหักลดหย่อนสำหรับการวิจัยและพัฒนาเป็น 300%
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังต้องการดำเนินนโยบายการคลัง จากการทำงบประมาณแบบขาดดุลต่อเนื่อง 2 ปี จนถึงปี 60 เพื่อนำไปใช้พัฒนาใช้หนี้ของประเทศ รวมถึงการลงทุน และดูแลภาคสังคม เนื่องจากจัดเก็บภาษีคนจนมากขึ้น ต้องดูแลสังคมมากขึ้น โดยปี 59 คาดว่าจะทำงบประมาณแบบขาดดุล 350,000 ล้านบาท จากปีนี้ขาดดุล 255,000 ล้านบาท โดยการขาดดุลยังอยู่ในกรอบ 20% ของงบประมาณ หรือทำงบประมาณได้สูงถึง 500,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังยังได้สรุปร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะให้ใช้กรอบของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ 3% ต่อปี บวกลบ 1.5% ในการดูแลเศรษฐกิจปี 58 ซึ่งจะเสนอให้ครม.พิจารณาเร็ว ๆ นี้ การเปลี่ยนแปลงจากเงินเฟ้อพื้นฐานมาเป็นเงินเฟ้อทั่วไป จะไม่กระทบต่อการดูแลเศรษฐกิจ คาดว่าการปรับลอยตัวราคาพลังงานในขณะนี้จนถึงปีหน้า จะไม่กระทบต่อเงินเฟ้อจนสูงเกินกรอบที่ ธปท.กำหนดไว้
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาเพิ่มค่าหักลดหย่อนสำหรับการวิจัยและพัฒนา จากเดิม 200% หรือ 2 เท่า เป็น 300% หรือ 3 เท่า โดยหลักเกณฑ์ต้องชัดเจน เพื่อให้หักภาษีได้ง่ายรวดเร็ว และตรวจสอบได้ว่าเป็นการใช้จ่ายเพื่อการพัฒนา
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยั่งยืนได้ต้องแก้จุดอ่อนในโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้ได้ ซึ่งประกอบด้วย จุดอ่อนด้านพลังงานที่ใช้ฟุ่มเฟือย ภาครัฐอุดหนุนราคาพลังงานต่ำกว่าความเป็นจริง คิดเป็นมูลค่าการใช้พลังงานในไทยสูงถึง 18% ของจีดีพี ทำให้ต้องลดการอุดหนุนพลังงาน หากไม่แก้ไขประเทศไทยยิ่งพัฒนายิ่งแพ้
ขณะที่ จุดอ่อนโครงสร้างภาษี ทำให้การจัดเก็บรายได้ลดลง ส่งผลให้งบลงทุนน้อยลงทุกที จากสูงถึง 30% เหลือ 17% ที่ผ่านมาพึ่งภาษีการค้าและภาษีรายได้ ต่อไปจะจัดเก็บภาษีมรดกเพื่อให้เกิดความยุติธรรม ที่สำคัญต้องเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีฐานการเก็บภาษีกว้าง และต้องเก็บภาษีสรรพสามิตตัวใหม่ ๆ ให้รายได้เพิ่มขึ้น เมื่อมีรายได้มากพอจะมีโอกาสได้เห็นการจ่ายเงินคืนภาษีให้กับผู้มีรายได้น้อย กรณีที่รัฐบาลจ่ายเงินให้ชาวนาไร่ละ 1,000 บาท วงเงิน 40,000 ล้านบาท ก็ถือเป็นการคืนภาษีให้กับผู้มีรายได้น้อย
สำหรับจุดอ่อนต้นทุนขนส่งสินค้า ที่ปัจจุบันนส่งทางถนน 75% มีต้นทุน 2 บาทต่อตันต่อกิโลเมตร ขณะที่การขนส่งทางรางมีไม่ถึง 2% มีต้นทุนเพียง 0.30 บาทต่อกม. หากไม่แก้ไขจุดนี้ ยิ่งพัฒนาต่อไปก็ยิ่งฟุ่มเฟือย และจุดอ่อนด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านการศึกษา จะต้องกระจายครูที่มีคุณภาพ กระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น รวมถึงต้องมีการผลิตบัณฑิตสาขาวิชาชีพ มากกว่าสายวิชาทั่วไป
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2557
คาดปี 59 จัดทำงบประมาณแบบขาดดุล350,000 ล้านบาท จากปีนี้ 255,000 ล้านบาท เตรียมเพิ่มค่าหักลดหย่อนสำหรับการวิจัยและพัฒนาเป็น 300%
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังต้องการดำเนินนโยบายการคลัง จากการทำงบประมาณแบบขาดดุลต่อเนื่อง 2 ปี จนถึงปี 60 เพื่อนำไปใช้พัฒนาใช้หนี้ของประเทศ รวมถึงการลงทุน และดูแลภาคสังคม เนื่องจากจัดเก็บภาษีคนจนมากขึ้น ต้องดูแลสังคมมากขึ้น โดยปี 59 คาดว่าจะทำงบประมาณแบบขาดดุล 350,000 ล้านบาท จากปีนี้ขาดดุล 255,000 ล้านบาท โดยการขาดดุลยังอยู่ในกรอบ 20% ของงบประมาณ หรือทำงบประมาณได้สูงถึง 500,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังยังได้สรุปร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะให้ใช้กรอบของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ 3% ต่อปี บวกลบ 1.5% ในการดูแลเศรษฐกิจปี 58 ซึ่งจะเสนอให้ครม.พิจารณาเร็ว ๆ นี้ การเปลี่ยนแปลงจากเงินเฟ้อพื้นฐานมาเป็นเงินเฟ้อทั่วไป จะไม่กระทบต่อการดูแลเศรษฐกิจ คาดว่าการปรับลอยตัวราคาพลังงานในขณะนี้จนถึงปีหน้า จะไม่กระทบต่อเงินเฟ้อจนสูงเกินกรอบที่ ธปท.กำหนดไว้
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาเพิ่มค่าหักลดหย่อนสำหรับการวิจัยและพัฒนา จากเดิม 200% หรือ 2 เท่า เป็น 300% หรือ 3 เท่า โดยหลักเกณฑ์ต้องชัดเจน เพื่อให้หักภาษีได้ง่ายรวดเร็ว และตรวจสอบได้ว่าเป็นการใช้จ่ายเพื่อการพัฒนา
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยั่งยืนได้ต้องแก้จุดอ่อนในโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้ได้ ซึ่งประกอบด้วย จุดอ่อนด้านพลังงานที่ใช้ฟุ่มเฟือย ภาครัฐอุดหนุนราคาพลังงานต่ำกว่าความเป็นจริง คิดเป็นมูลค่าการใช้พลังงานในไทยสูงถึง 18% ของจีดีพี ทำให้ต้องลดการอุดหนุนพลังงาน หากไม่แก้ไขประเทศไทยยิ่งพัฒนายิ่งแพ้
ขณะที่ จุดอ่อนโครงสร้างภาษี ทำให้การจัดเก็บรายได้ลดลง ส่งผลให้งบลงทุนน้อยลงทุกที จากสูงถึง 30% เหลือ 17% ที่ผ่านมาพึ่งภาษีการค้าและภาษีรายได้ ต่อไปจะจัดเก็บภาษีมรดกเพื่อให้เกิดความยุติธรรม ที่สำคัญต้องเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีฐานการเก็บภาษีกว้าง และต้องเก็บภาษีสรรพสามิตตัวใหม่ ๆ ให้รายได้เพิ่มขึ้น เมื่อมีรายได้มากพอจะมีโอกาสได้เห็นการจ่ายเงินคืนภาษีให้กับผู้มีรายได้น้อย กรณีที่รัฐบาลจ่ายเงินให้ชาวนาไร่ละ 1,000 บาท วงเงิน 40,000 ล้านบาท ก็ถือเป็นการคืนภาษีให้กับผู้มีรายได้น้อย
สำหรับจุดอ่อนต้นทุนขนส่งสินค้า ที่ปัจจุบันนส่งทางถนน 75% มีต้นทุน 2 บาทต่อตันต่อกิโลเมตร ขณะที่การขนส่งทางรางมีไม่ถึง 2% มีต้นทุนเพียง 0.30 บาทต่อกม. หากไม่แก้ไขจุดนี้ ยิ่งพัฒนาต่อไปก็ยิ่งฟุ่มเฟือย และจุดอ่อนด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านการศึกษา จะต้องกระจายครูที่มีคุณภาพ กระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น รวมถึงต้องมีการผลิตบัณฑิตสาขาวิชาชีพ มากกว่าสายวิชาทั่วไป
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2557