“อินเทล” ชี้ Wearable และ IoT เป็นเทรนด์สำคัญในปี 2558

[brid.siriwan]

“อินเทล” ชี้ Wearable และ IoT เป็นเทรนด์สำคัญในปี 2558

นายสนธิญา หนูจีนเส้ง
อินเทล มองตลาดเทคโนโลยีในปี 2558 เชื่อว่าจะมีการเติบโตภายใต้พื้นฐานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สวมใส่ได้ (Wearable Device) และ อุปกรณ์อัจฉริยะที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ (Internet of Thing)

นายสนธิญา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงเทรนด์เทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 คือ ยุคแห่งการบูรณาการ ที่คอมพิวเตอร์จะแฝงอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆ รอบตัว ภายใต้ยุคของ Internet of Things (IoT) ที่คอมพิวเตอร์ไม่จำเป็นต้องมีหน้าจอ แต่เป็นอุปกรณ์ใดก็ได้ที่มีความสามารถในการประมวลผล และนำข้อมูลดังกล่าวไปวิเคราะห์ออกมา

“ในมุมของผู้ใช้ทั้งอุปกรณ์ที่มีหน้าจอ และไม่มีหน้าจอจะบูรณาการเข้าหากัน ทำให้เชื่อว่าในปีหน้าจะเป็นจุดเริ่มต้นของอุปกรณ์ Wearable และ IoT ที่จะเข้ามาอยู่ข้างกายผู้บริโภค โดยผู้ใช้งานไม่รู้ตัวว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอุปกรณ์อัจฉริยะ”

โดยในมุมของ IoT จะประกอบไปด้วย 4 ส่วนสำคัญ เริ่มกันที่ Things คืออุปกรณ์อะไรก็ตามที่มีความสามารถในการประมวลผล และเซ็นเซอร์ที่จะวัดอะไรสักอย่าง เพื่อส่งข้อมูลไปยังส่วนที่ 2 ที่เป็นเกตเวย์ ที่จะส่งข้อมูลไปยังส่วนที่ 3 คือ ดาต้าเซ็นเตอร์ และข้อมูลดังกล่าวจะถูกประมวลผลด้วยโปรแกรมเฉพาะ เมื่อทำการวิเคราะห์แล้ว จะได้ข้อมูลเพื่อนำมาแก้ไข หรือ ช่วยในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ ข้อมูลจากทางไอดีซี ระบุว่า ตลาด IoT ทั่วโลกจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 1.9 ล้านล้านเหรียญในปี 2556 เป็น 7.9 ล้านล้านเหรียญในปี 2563 ด้วยจำนวนอุปกรณ์ในท้องตลาดกว่า 2 แสนล้านชิ้น แน่นอนว่าจะส่งผลถึงปริมาณข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการคาดการณ์ว่าปริมาณข้อมูลจะเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวในเวลาทุกๆ 2 ปี ทำให้ในปี 2563 จะมีปริมาณข้อมูลกว่า 44 เซตตะไบต์ หรือ 44 ล้านล้านกิกะไบต์

เมื่อ IoT เริ่มมีพื้นฐานเข้ามาในประเทศแล้ว ก็จะส่งผลให้เกิดการสร้าง สมาร์ทซิตี้ (Smart City) ที่นำ IoT มาจัดการด้านพลังงาน การจราจร และความปลอดภัยต่างๆ เพื่อให้ได้รับบริการที่ดีขึ้นจากรัฐบาล ใกล้เคียงกับนโยบายของดิจิคอล อีโคโนมี ทำให้มีโอกาสที่ IoT จะเข้ามามีบทบาทได้เร็วขึ้นในประเทศไทย

“ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทราบว่าอุปกรณ์ต่างๆ ทำงานอย่างไร เพียงแต่ปล่อยให้อุปกรณ์เหล่านั้นทำหน้าที่ไปโดยอัตโนมัติ สนใจเพียงข้อมูลที่ถูกวิเคราะห์ออกมา และนำมาใช้งานเท่านั้น”

สิ่งที่เกี่ยวเนื่องอีกอย่างหนึ่งและถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานคือ อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ที่จะเป็นรากฐานให้แก่ IoT และที่สำคัญในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ผู้บริโภคจะมีความต้องการในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากขึ้น เพื่อให้เกิดการสร้างองค์ความรู้เพื่อนำไปพัฒนาประเทศต่อไป

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2557