'ประมนต์' แจงนำเข้าชิ้นส่วน PRIUS ถูกต้อง ปัดเลี่ยงภาษี

[brid.siriwan]

'ประมนต์' แจงนำเข้าชิ้นส่วน PRIUS ถูกต้อง ปัดเลี่ยงภาษี

"ประมนต์" แจงนำเข้าชิ้นส่วน PRIUS ถูกต้อง ปัดเลี่ยงภาษี แต่กลับถูกเรียกเสียภาษีย้อนหลัง 1.1 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างอุทธรณ์ ชี้กระแสข่าวปล่อย หวังดึงเป็นประเด็นการเมืองให้กระทบรัฐบาล พร้อมให้ทนาย สั่งฟ้องคนปล่อยข่าวทำเสียหาย...

เมื่อวันที่ 28 พ.ย. นายประมนต์ สุธีวงศ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่น (ประเทศไทย) และประธานกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แถลงว่า ตามที่มีข่าวออกสู่สาธารณชนทำนอง ว่า โตโยต้า ส่อเลี่ยงภาษีการนำเข้ารถยนต์ รุ่น PRIUS ทั้งหมด รวมมูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาทนั้น โดยข้อเท็จจริงทางบริษัทฯ ได้นำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์รุ่นดังกล่าวมาผลิตเป็นรถยนต์สำเร็จรูปในประเทศไทย โดยในรถยนต์สำเร็จรูปแต่ละคันจะมีชิ้นส่วนที่นำเข้าจากต่างประเทศจำนวนหนึ่ง และซื้อชิ้นส่วนจากในประเทศกับผู้ผลิตชิ้นส่วนจำนวน 32 ราย เพื่อผลิตเป็นรถยนต์สำเร็จรูป

ทั้งนี้ ได้นำเข้าชิ้นส่วนดังกล่าวเข้ามาตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน ขณะนำเข้าทางบริษัทฯ ได้สำแดงรายการสินค้าประเภทพิกัด และอัตราอากรตามที่กฎหมายกำหนดและให้สิทธิลดอัตราอากรของสินค้าแต่ละชนิด ซึ่งเป็นการสำแดงประเภทพิกัดเช่นเดียวกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ตามระเบียบกฎหมายของศุลกากร และได้รับการตรวจปล่อยสินค้าโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรแล้ว จำนวน 245 ครั้ง แต่กลับถูกเรียกให้เสียภาษีย้อนหลัง มูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ ตนทราบว่า ทางบริษัทฯ ได้ยื่นอุทธรณ์และชี้แจงข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาอุทธรณ์แล้ว ตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค. 2556 และ 31 ก.ค. 2557 เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมศุลกากร โดยบริษัทหวังว่าคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จะพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

สำหรับกระแสข่าวที่ออกสู่สาธารณชนในช่วงนี้ เห็นว่า น่าจะถูกทำให้เป็นประเด็นทางการเมือง เพื่อโจมตีตน และกระทบไปยังรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่มีความตั้งใจปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน หรืออาจเป็นความตั้งใจปล่อยข่าวเพื่อหวังผลให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่กล้าจะวินิจฉัยเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะมีค่าภาษีจำนวนสูงมาก

"ผมทราบว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่เป็นนักลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทย ตามที่รัฐบาลได้เชิญเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมต่างก็ประสบปัญหา ถูกตรวจสอบเรียกเก็บภาษีย้อนหลังในหลายรายเช่นกัน ทั้งที่นักลงทุนกลุ่มนี้ ต้องการนำเม็ดเงินลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และปฏิบัติตามกฎหมายถูกต้องทุกอย่าง โดยทราบว่าผู้บริหารระดับสูงของประเทศกำลังเฝ้าดูพฤติกรรมและหาทางแก้ไขอยู่

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่มีการปล่อยข่าวและพาดพิงตนนั้น ได้มอบอำนาจให้ทนายความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้เสนอข่าวที่สร้างความเสียหายให้ตนและบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว.


ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 28 พ.ย. 2557