ศูนย์วิจัยฯคาดสินเชื่อปีแพะโต8%
Posted: 15 Jan 2015, 09:31
?ศูนย์วิจัยฯคาดสินเชื่อปีแพะโต8%?
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินสินเชื่อภาคธุรกิจขยายตัวตามเศรษฐกิจ แบงก์โหมเอสเอ็มอี เน้นคุณภาพสินเชื่อสกัดหนี้เน่า
รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยแจ้งว่า เงินให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในไทย จะขยายตัวในกรอบ 7-8% โดยมีค่ากลางที่ 7.5% บนเงื่อนไขของประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจในกรอบ3.5-4.5% โดยคาดว่าจะพึ่งพิงแรงขับเคลื่อนจากสินเชื่อภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น ตามอานิสงส์จากการฟื้นตัวของกิจกรรมการลงทุนและใช้จ่ายในประเทศ ที่ได้รับแรงกระตุ้นจากภาครัฐซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อความต้องการสินเชื่อประเภทเงินทุนหมุนเวียน สำหรับธุรกิจหลายประเภทเช่น ก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง รวมถึงค้าปลีก เป็นต้น ตลอดจนสินเชื่อเพื่อการค้าระหว่างประเทศที่น่าจะฟื้นขึ้นเช่นกัน ตามแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออก ขณะที่ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งต่างก็หันมาให้น้ำหนักกับการเติบโตสินเชื่อธุรกิจโดยเฉพาะเอสเอ็มอีมากขึ้น
สำหรับประเภทสินเชื่อภาคครัวเรือนที่คาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นปีนี้ ได้แก่ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์สินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงสินเชื่อเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่ได้รับแรงหนุนจากฐานที่ต่ำและการกลับมาทำตลาดของผู้ประกอบการสินเชื่อบางส่วนภายใต้มุมมองเศรษฐกิจและเสถียรภาพด้านรายได้ของภาคครัวเรือนที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างไรก็ตาม นโยบายการปล่อยสินเชื่อรายย่อยของธนาคารพาณิชย์น่าจะยังคงความระมัดระวัง เช่น รักษาระดับเข้มงวดของเกณฑ์การพิจารณาภาระหนี้ต่อรายได้หรือเกณฑ์เงินดาวน์ขั้นต่ำ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายเชิงคุณภาพที่วัดจากระดับเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมที่ได้กำหนดไว้
“สินเชื่อปล่อยใหม่สุทธิคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากประมาณ 4 แสนล้านบาทในปี 57 มาที่กว่า 7 แสนล้านบาทซึ่งใกล้เคียงกับระดับที่เคยทำได้ในปี 53ที่เศรษฐกิจไทยเพิ่งฟื้นตัวจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่อัตราการเติบโตดังกล่าว ถือว่าเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตโดยในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา (53-57) อัตราการขยายตัวของสินเชื่อมีค่าเฉลี่ย 11%”
นอกจากนี้ความระมัดระวังของอัตราการเติบโตสินเชื่อยังสะท้อนผ่านมุมมองของธนาคารพาณิชย์หลายแห่งที่ส่งสัญญาณว่าจะเน้นการปล่อยสินเชื่อควบคู่กับคุณภาพเพื่อไม่ให้นำมาสู่ปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้น ท่ามกลางความกังวลต่อปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นและหลายปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งอาจย้อนกลับมากระทบต่อเสถียรภาพด้านรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าสินเชื่อได้ในอนาคต
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามได้แก่ การเบิกจ่ายงบประมาณและโครงการลงทุนของภาครัฐ สถานการณ์การเมืองความเสี่ยงเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ ตลอดจนทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีอิทธิพลต่อความต้องการสินเชื่อประเภทเงินทุนหมุนเวียนในประเทศของภาคนอกจากนี้ยังต้องติดตามผลของกฎหมายพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกันและจำนองที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 ก.พนี้ เนื่องจากอาจกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อบางประเภทที่เคยอ้างอิงเกณฑ์การค้ำประกันในการอนุมัติสินเชื่อเช่น สินเชื่อผู้ประกอบการบางกลุ่ม และสินเชื่อเช่าซื้อ ตลอดจนสินเชื่ออเนกประสงค์ที่เคยใช้อสังหาริมทรัพย์/สินทรัพย์ค้ำประกัน เป็นต้น
ที่มา เดลินิวส์
วันที่16มกราคม 2558
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินสินเชื่อภาคธุรกิจขยายตัวตามเศรษฐกิจ แบงก์โหมเอสเอ็มอี เน้นคุณภาพสินเชื่อสกัดหนี้เน่า
รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยแจ้งว่า เงินให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในไทย จะขยายตัวในกรอบ 7-8% โดยมีค่ากลางที่ 7.5% บนเงื่อนไขของประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจในกรอบ3.5-4.5% โดยคาดว่าจะพึ่งพิงแรงขับเคลื่อนจากสินเชื่อภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น ตามอานิสงส์จากการฟื้นตัวของกิจกรรมการลงทุนและใช้จ่ายในประเทศ ที่ได้รับแรงกระตุ้นจากภาครัฐซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อความต้องการสินเชื่อประเภทเงินทุนหมุนเวียน สำหรับธุรกิจหลายประเภทเช่น ก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง รวมถึงค้าปลีก เป็นต้น ตลอดจนสินเชื่อเพื่อการค้าระหว่างประเทศที่น่าจะฟื้นขึ้นเช่นกัน ตามแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออก ขณะที่ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งต่างก็หันมาให้น้ำหนักกับการเติบโตสินเชื่อธุรกิจโดยเฉพาะเอสเอ็มอีมากขึ้น
สำหรับประเภทสินเชื่อภาคครัวเรือนที่คาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นปีนี้ ได้แก่ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์สินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงสินเชื่อเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่ได้รับแรงหนุนจากฐานที่ต่ำและการกลับมาทำตลาดของผู้ประกอบการสินเชื่อบางส่วนภายใต้มุมมองเศรษฐกิจและเสถียรภาพด้านรายได้ของภาคครัวเรือนที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างไรก็ตาม นโยบายการปล่อยสินเชื่อรายย่อยของธนาคารพาณิชย์น่าจะยังคงความระมัดระวัง เช่น รักษาระดับเข้มงวดของเกณฑ์การพิจารณาภาระหนี้ต่อรายได้หรือเกณฑ์เงินดาวน์ขั้นต่ำ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายเชิงคุณภาพที่วัดจากระดับเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมที่ได้กำหนดไว้
“สินเชื่อปล่อยใหม่สุทธิคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากประมาณ 4 แสนล้านบาทในปี 57 มาที่กว่า 7 แสนล้านบาทซึ่งใกล้เคียงกับระดับที่เคยทำได้ในปี 53ที่เศรษฐกิจไทยเพิ่งฟื้นตัวจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่อัตราการเติบโตดังกล่าว ถือว่าเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตโดยในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา (53-57) อัตราการขยายตัวของสินเชื่อมีค่าเฉลี่ย 11%”
นอกจากนี้ความระมัดระวังของอัตราการเติบโตสินเชื่อยังสะท้อนผ่านมุมมองของธนาคารพาณิชย์หลายแห่งที่ส่งสัญญาณว่าจะเน้นการปล่อยสินเชื่อควบคู่กับคุณภาพเพื่อไม่ให้นำมาสู่ปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้น ท่ามกลางความกังวลต่อปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นและหลายปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งอาจย้อนกลับมากระทบต่อเสถียรภาพด้านรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าสินเชื่อได้ในอนาคต
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามได้แก่ การเบิกจ่ายงบประมาณและโครงการลงทุนของภาครัฐ สถานการณ์การเมืองความเสี่ยงเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ ตลอดจนทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีอิทธิพลต่อความต้องการสินเชื่อประเภทเงินทุนหมุนเวียนในประเทศของภาคนอกจากนี้ยังต้องติดตามผลของกฎหมายพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกันและจำนองที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 ก.พนี้ เนื่องจากอาจกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อบางประเภทที่เคยอ้างอิงเกณฑ์การค้ำประกันในการอนุมัติสินเชื่อเช่น สินเชื่อผู้ประกอบการบางกลุ่ม และสินเชื่อเช่าซื้อ ตลอดจนสินเชื่ออเนกประสงค์ที่เคยใช้อสังหาริมทรัพย์/สินทรัพย์ค้ำประกัน เป็นต้น
ที่มา เดลินิวส์
วันที่16มกราคม 2558