แนะวิธีป้องกันการลื่นล้มของผู้สูงวัย

[brid.ladawan]

แนะวิธีป้องกันการลื่นล้มของผู้สูงวัย


อายุมากขึ้นหลังค่อมลง การทรงตัวไม่ดี.

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา โดยเฉพาะผู้สูงวัย ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพื่อลดความเสี่ยงในการลื่นหกล้ม ที่อาจส่งผลกระทบระยะยาวกับคุณภาพชีวิตมากกว่าในวัยอื่นๆ

นพ.อิทธิชัย วัชรีคุปต์ แพทย์อายุรกรรมทั่วไป โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท (แผนกผู้สูงอายุ) ได้แนะว่า ที่ผ่านมาพบว่าการลื่นล้มในผู้สูงอายุกว่า 50% เป็นการลื่นล้มในบ้าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่เป็นความดันโลหิตสูง ต้องรับประทานยาลดความดัน ซึ่งมีฤทธิ์ขับปัสสาวะเพื่อช่วยลดโซเดียมจะช่วยให้ระดับความดันลดลงด้วย เมื่อระดับความดันโลหิตในเส้นเลือดลดลงจากสูงมาต่ำ จะทำให้ผู้สูงอายุเกิดอาการมึนงง โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนอิริยาบถ เช่น เวลาจะลุก จะนั่ง จะเสี่ยงต่อการล้มได้ง่ายกว่าปกติ
นพ.อิทธิชัย วัชรีคุปต์.

คุณหมออิทธิชัยกล่าวต่อว่า ยังพบว่าผู้หญิงจะลื่นล้มมากกว่าผู้ชาย ยิ่งถ้าเคยล้มมาก่อน โอกาสที่จะเกิดการล้มซ้ำจะมีมากขึ้นถึง 2-3 เท่า โอกาสที่ทำให้ผู้สูงอายุลื่นล้มมากกว่าคนวัยอื่น อาทิ ความสามารถในการมองเห็น การยืดหยุ่นของร่างกายลดลง อายุมากขึ้นหลังจะค่อมลง ทำให้การทรงตัวไม่ดีเหมือนเดิม ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณช่วงขาและสะโพก การออกกำลังกายบางชนิดมีส่วนช่วยให้การทรงตัวของร่างกายดีขึ้น และยังช่วยให้กล้ามเนื้อขาแข็งแรงขึ้นด้วย เช่น โยคะในท่ายืน รำมวยจีน เมื่อต้องเปลี่ยนท่าควรเปลี่ยนท่าอย่างช้าๆ เช่น ถ้ากำลังนอนอยู่และต้องการลุกขึ้นยืน ควรให้นั่งสักครู่ก่อน แล้วจึงค่อยๆ เกาะราวให้มั่นด้วยมือทั้ง 2 ข้าง ก่อนจะลุกขึ้นยืน เป็นต้น
ความหนาแน่นกระดูกปกติ–กระดูกพรุน.

วิธีการป้องกันการลื่นล้มของผู้สูงอายุที่นึกไม่ถึงคือ ควรเลือกเสื้อผ้าการแต่งกายที่พอดีตัว ไม่ใหญ่ ยาว หรือหลวม เพราะอาจไปเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์ในบ้านจนเสียหลักล้มได้ ควรใส่รองเท้าที่พอดีกับรูปเท้า มีที่รัดส้นและพื้นรองเท้าที่สามารถยึดเกาะพื้นได้ดี บริเวณพื้นที่ในบ้านที่มักจะเปียก เช่น ห้องน้ำหรือห้องครัว ควรใช้กระเบื้องที่มีผิวหน้าหยาบ หรือใช้แผ่นยางกันลื่นที่ยึดเกาะกับพื้นห้องน้ำได้ดี หรือเพิ่มราวเกาะจับในห้องน้ำ เพื่อให้ท่านได้มีที่เกาะคอยพยุงตัว หาเก้าอี้ให้ท่านนั่งอาบน้ำ การลื่นล้มในวัยสูงอายุนั้นแม้ว่าจะเป็นการล้มเบาๆหรือการลื่นเสียหลักเล็กน้อยก็มีอันตราย ดังนั้น ลูกหลานและคนใกล้ตัว จึงควรหมั่นสังเกตและป้องกันสถานที่หรือกิจวัตรที่เสี่ยงต่อการลื่นล้มของท่านด้วย.


ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 20 เม.ย. 2558