เอทีซีไอเดินหน้าช่วยรัฐดันดิจิตอลอีโคโนมี

[brid.ladawan]

เอทีซีไอเดินหน้าช่วยรัฐดันดิจิตอลอีโคโนมี

เอทีซีไอเดินหน้าช่วยรัฐดันดิจิตอลอีโคโนมี
จากซ้าย คุณบุญรักษ์ สรัคคานนท์ นายกกิตติมศักดิ์ และ ประธานฝ่ายInternational Affairs คุณประวิตร ฉัตตะละดา ผู้อำนวยการสมาคม และประธานฝ่ายPublic policies ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ATCI) คุณบุญชัย พัฒนธนานนท์ กรรมการและประธานฝ่ายHuman resource/quality development คุณกิตตินันท์ อนุพันธ์ อุปนายกและประธานฝ่ายMarket & Business development
คณะกรรมการสมาคมเอทีซีไอชุดใหม่ ประกาศพันธกิจ 4 ด้านเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไอทีไทยตลอดวาระ 2 ปีนับจากนี้ การันตี 2 ใน 4 พันธกิจหลักสามารถทำได้ทันทีหากมีการผลักดันเต็มแรง มั่นใจผลจากพันธกิจทั้งหมดจะทำให้บริษัทไอทีไทยสามารถลบจุดอ่อน และยืนอยู่แถวหน้าของกลุ่มเออีซี ชี้ทางให้รัฐบาลไทยกลายเป็นดิจิตอลเนชัน (Digital Nation) เต็มตัว

ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (เอทีซีไอ) กล่าวถึงวิสัยทัศน์ และพันธกิจของคณะกรรมการชุดใหม่ว่า ประกอบด้วยงาน 4 ด้าน หนึ่งในนั้นคือ งานด้านนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอล (ดิจิตอล อีโคโนมี) ที่รัฐบาลจะใช้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารงานของประเทศไทยในอนาคต

“สมาคมมองว่า นโยบายดิจิตอล อีโคโนมีเป็นเรื่องดี แต่สิ่งสำคัญคือ เราจะต้องดันให้ภาครัฐเข้าสู่ความเป็นดิจิตอลก่อน จุดนี้สมาคมจะหาแนวทางเสนอรัฐบาลให้ปฏิรูปตัวเองด้วยการมองหน่วยงานต้นแบบที่ไม่ต้องเสียเวลาตั้งขึ้นใหม่ เชื่อว่าพันธกิจนี้จะทำให้เกิดโดมิโนเอฟเฟกต์ เพราะถ้าหน่วยงานหนึ่งทำได้ อีกหลายหน่วยงานก็จะทำตาม”

นโยบายดิจิตอล อีโคโนมี มีเนื้อหาหลัก คือ การใช้ไอทีขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เช่น การใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ สร้างเครือข่าย จัดกระบวนการทำงานสมัยใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนผู้ใช้บริการได้มากขึ้น นโยบายนี้เป็นผลจากสื่อดิจิตอล และไอซีทีเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนไทย ต่อยอดไปสู่ระบบเศรษฐกิจอื่นๆ ทั้งการดำเนินธุรกิจการค้า การบริการ การศึกษา การสาธารณสุข ตลอดจนการใช้ไอซีทีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต นอกจากงานด้านนโยบายดิจิตอล อีโคโนมี อีก 3 งานที่เห็นความสำคัญ คือ งานด้านต่างประเทศ งานด้านการศึกษา และงานด้านธุรกิจ

สำหรับงานด้านการศึกษา เอทีซีไอ มองว่า แนวโน้มเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว แต่ภาคบุคลากรกลับไม่สอดคล้องกัน เอทีซีไอจึงต้องการยื่นมือเข้าไปช่วยลดช่องว่างที่เกิดขึ้นด้วยการพัฒนาหลักสูตร หรือการจับคู่บริษัทไอทีกับมหาวิทยาลัย เพื่อการวิจัย และพัฒนาคนอย่างจริงจัง

ส่วนงานธุรกิจ เอทีซีไอ ระบุว่า จะต่อยอดจากการจัดงาน E Government Forum หลายครั้งที่ผ่านมา โดยจะดึงผู้ค้าในวงการไอทีมาจัดงานร่วมกันอีก จุดนี้เอทีซีไอจะส่งเสริมให้บริษัทเกิดใหม่ หรือสตาร์ตอัปได้มีเวทีโชว์ตัวที่ทั่วถึงยิ่งขึ้น

“2 เรื่องที่เรามองว่าเร่งด่วนที่สุด คือ การช่วยให้ภาครัฐปฏิรูปตัวเองเข้าสู่ดิจิตอล และการพัฒนาคน เราอยากช่วยภาครัฐด้วยการเข้าไปแนะนำให้เห็นว่าหน่วยงานใดเหมาะเป็นต้นแบบ ซึ่งสามารถนำระบบของหน่วยงานนั้นไปทำซ้ำได้กับหลายหน่วยงาน วิธีนี้สามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องมีรอการแก้กฎหมาย หรือการตั้งหน่วยงานใหม่”

กรณีการพัฒนาคน ดร.ธนชาติ ระบุว่า เอทีซีไอจะเชื่อมภาคการศึกษาเข้ากับอุตสาหกรรม ซึ่งจะสามารถแก้ปัญหาที่ทำให้ไทยอาจเป็นรองบนเวทีเออีซี

“ปัญหาของอุตสาหกรรมไอทีไทยในกลุ่มเออีซีมี 2 จุด หนึ่ง คือ บุคลากรไม่พร้อม และ สอง คือ สินค้าไอทีไทยยังไม่มีจุดเด่น สิ่งที่เราคิดว่าจำเป็นสำหรับการปรับปรุงบุคลากรไทย คือ การจับคู่บริษัทกับมหาวิทยาลัย เราจะไม่มองแค่หลักสูตร แต่อาจเป็นการพัฒนาร่วมกันในรูปโครงการงานวิจัย รวมถึงการเป็นพันธมิตร ส่วนการเพิ่มจุดเด่นให้สินค้า และบริการไอทีไทย เราจะเน้นประสานงานให้บริษัทไทยได้รับรางวัลบนเวทีประกวดซอฟต์แวร์ชั้นนำของเอเชีย”

ดร.ธนชาติ ระบุด้วยว่า เทรนด์เทคโนโลยีที่เอทีซีไอจะเน้นกระตุ้นให้ความรู้แก่เอกชนไทยในช่วง 2 ปีนับจากนี้ คือ คลาวด์ และบิ๊กดาต้า เนื่องจากตลาดของทั้ง 2 เทคโนโลยียังไม่ร้อนแรงเท่าที่ควรในประเทศไทย ต่างจากเทรนด์โซเชียลมีเดีย และโมบายที่สังคมไทยตอบรับอย่างดี

ปัจจุบัน สถิติเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือจากค่ายผู้ให้บริการหลักทั้ง 3 รายของประเทศไทย ได้แก่ AIS, DTAC และ TrueMove ชี้ว่ายอดผู้ใช้บริการมือถือมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 94.3 ล้านราย (ข้อมูลไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2557) โดยจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยปี 2557 คือ 23.8 ล้านคน คิดเป็น 35% ของประชากรทั้งหมด 67.4 ล้านคน ขณะที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดีย คิดเป็นสัดส่วน 25% ของประชากรไทย


ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 12 มิถุนายน 2558