แนะนำ สารอาหารถนอมสายตา หนุ่มสาวไอที
Posted: 17 Nov 2014, 16:08
แนะนำ สารอาหารถนอมสายตา หนุ่มสาวไอที
“ตาติดจอ” กลายเป็นไลฟ์สไตล์ของหนุ่มสาวยุคไอที ซึ่งพฤติกรรมการใช้สายตาติดหน้าจอมือถือหรือจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานติดต่อกัน ทำให้ดวงตาทำงานหนัก จึงต้องดูแลดวงตาเป็นพิเศษ ซึ่ง พญ.นลินี ไพบูลย์ ผู้บริหารกิฟฟารีน กล่าวว่า เทคโนโลยีไอทีสมัยใหม่นี้ ไม่ว่าการทำงานกับคอมพิวเตอร์, เล่นไลน์, เฟซบุ๊ก ฯลฯ ทำให้มีการใช้ดวง ตามากกว่าสมัยก่อน ส่งผลให้คนในยุคนี้มีโรคทางสายตาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีอายุน้อย เช่น โรคจุดรับภาพเสื่อม ซึ่งเป็นอาการของโรคที่ทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง
ตาติดจอ
นอกจากนี้ ยังมีโรคต้อกระจก คือภาวะที่กระจกตา หรือเลนส์ตาขุ่น ทำให้แสงไม่สามารถผ่านเข้าไปในตาได้ตามปกติ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความเสื่อมตามวัย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป แต่ภาวะบางอย่าง เช่น การขาดสารอาหาร อาจก่อให้เกิดโรคต้อกระจกก่อนวัยได้ และอีกหนึ่งภัยเงียบในยุคโซเชียลที่เป็นอันตรายต่อดวงตา คือ แสงสีฟ้า หรือ Blue Light ซึ่งเป็นคลื่นแสงพลังงานสูง ที่กระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระภายในลูกตา ส่งผลให้เซลล์ประสาทตาเสื่อม การจ้องมองแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เป็นเวลานาน ก่อให้เกิดอาการปวดตา ตาแห้ง พร่ามัว น้ำตาไหล อีกทั้งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคจุดรับภาพเสื่อม และโรคต้อกระจกอีกด้วย ซึ่งบริษัท DSM Nutritional Products Switzerland ได้ทำการวิจัยลูทีนและซีแซนทีน เป็นสารธรรมชาติที่มีในผักผลไม้ที่มีสีเหลืองและสีเขียวเข้ม นอกจากนี้ ยังพบว่า หากร่างกายขาดวิตามินเอ จะส่งผลให้มองเห็นยากในเวลากลางคืนและเยื่อบุตาแห้ง ดังนั้น การได้รับวิตามินเออย่างเพียงพอจะช่วยในการมองเห็นได้ดีขึ้น โดยวิตามินเอพบมากในตับ ไข่แดง ผักใบเขียวและพืชผักมีสีต่างๆ.
พญ.นลินี ไพบูลย์
ที่มา ไทยรัฐฉบับพิมพ์
วันที่ 17 พ.ย. 2557
“ตาติดจอ” กลายเป็นไลฟ์สไตล์ของหนุ่มสาวยุคไอที ซึ่งพฤติกรรมการใช้สายตาติดหน้าจอมือถือหรือจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานติดต่อกัน ทำให้ดวงตาทำงานหนัก จึงต้องดูแลดวงตาเป็นพิเศษ ซึ่ง พญ.นลินี ไพบูลย์ ผู้บริหารกิฟฟารีน กล่าวว่า เทคโนโลยีไอทีสมัยใหม่นี้ ไม่ว่าการทำงานกับคอมพิวเตอร์, เล่นไลน์, เฟซบุ๊ก ฯลฯ ทำให้มีการใช้ดวง ตามากกว่าสมัยก่อน ส่งผลให้คนในยุคนี้มีโรคทางสายตาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีอายุน้อย เช่น โรคจุดรับภาพเสื่อม ซึ่งเป็นอาการของโรคที่ทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง
ตาติดจอ
นอกจากนี้ ยังมีโรคต้อกระจก คือภาวะที่กระจกตา หรือเลนส์ตาขุ่น ทำให้แสงไม่สามารถผ่านเข้าไปในตาได้ตามปกติ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความเสื่อมตามวัย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป แต่ภาวะบางอย่าง เช่น การขาดสารอาหาร อาจก่อให้เกิดโรคต้อกระจกก่อนวัยได้ และอีกหนึ่งภัยเงียบในยุคโซเชียลที่เป็นอันตรายต่อดวงตา คือ แสงสีฟ้า หรือ Blue Light ซึ่งเป็นคลื่นแสงพลังงานสูง ที่กระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระภายในลูกตา ส่งผลให้เซลล์ประสาทตาเสื่อม การจ้องมองแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เป็นเวลานาน ก่อให้เกิดอาการปวดตา ตาแห้ง พร่ามัว น้ำตาไหล อีกทั้งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคจุดรับภาพเสื่อม และโรคต้อกระจกอีกด้วย ซึ่งบริษัท DSM Nutritional Products Switzerland ได้ทำการวิจัยลูทีนและซีแซนทีน เป็นสารธรรมชาติที่มีในผักผลไม้ที่มีสีเหลืองและสีเขียวเข้ม นอกจากนี้ ยังพบว่า หากร่างกายขาดวิตามินเอ จะส่งผลให้มองเห็นยากในเวลากลางคืนและเยื่อบุตาแห้ง ดังนั้น การได้รับวิตามินเออย่างเพียงพอจะช่วยในการมองเห็นได้ดีขึ้น โดยวิตามินเอพบมากในตับ ไข่แดง ผักใบเขียวและพืชผักมีสีต่างๆ.
พญ.นลินี ไพบูลย์
ที่มา ไทยรัฐฉบับพิมพ์
วันที่ 17 พ.ย. 2557